เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 26 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
ธิราชเจ้าจอมสยาม 9 Dvd จาก Master/ ละครโทรทัศน์กึ่งสารคดีเฉลิมพระเกียรติ ร.5พิเศษ! บรรจุในกล่องนอกแบบใสอย่างดี ทำปกให้ทั้งด้านนอกและด้านใน สกรีนที่แผ่นทุกแผ่นลวดลายไม่ซ้ำกัน น่าเก็บสะสมมาก ๆ ค่ะ "ธิราชเจ้าจอมสยาม"ระลึกพระมหากรุณาธิคุณร.5เตือนสติ "คนไทย"ในยุคชาติ(ใกล้)วิกฤต
นับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยกระแสตอบรับจากประชาชนเกือบทั่วประเทศอยู่ในขั้นดีมาก ถึงมากที่สุดสำหรับการจัดทำหนังสือและสารคดีกึ่งละครโทรทัศน์ "ธิราชเจ้าจอมสยาม" ภายใต้ดำเนินงานของธนาคารกสิกรไทย เพื่อร่วมรำลึกโอกาสครบรอบ 100 ปี แห่งการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2553 นี้
ธิราชเจ้าจอมสยาม เป็นละครโทรทัศน์กึ่งสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เนื่องในวโรกาสครบรอบ ๑๐๐ ปีการสวรรคต ในวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) นับเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติเรื่องที่สามนับจาก สารคดีชุด ๑๐๐ ปี ไกลบ้าน ตามเสด็จพระพุทธเจ้าหลวง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และ เสด็จประพาสต้น ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒
โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับแง่มุมต่าง ๆ ของพระบรมวงศานุวงศ์ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนถึงบั้นปลายพระชนม์ชีพ ซึ่งถึงสะท้อนพระราชกุศโลบายที่ชาญฉลาด สมกับที่พระองค์ท่านได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช"




"หนังสือธิราชเจ้าจอมสยาม" เป็นการรวบรวมเรื่องราว พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจคุณานุประการ สำคัญในช่วงสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ของสยามประเทศ ที่นำพาความเจริญสืบเนื่องมาปัจจุบัน โดยได้ 3 คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ไทย ไม่ว่าจะเป็น ผศ.ดร.วงเดือน นาราสัจจ์ ภาคีราชบัณฑิตด้านประวัติศาสตร์ ผศ.ชมพูนุท นาคีรักษ์ และอาจารย์สุวรรณา สัจจวีรวรรณ มาช่วยกันคว้า รวบรวมข้อมูลที่อ้างอิงจากการบันทึกทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้านมา มาเรียงร้อยเป็นถ้อยความอักษรสู่การเป็นหนังสือทรงคุณค่า สมบูรณ์แบบมากที่สุดเล่มหนึ่งของไทย ที่นำเสนอเหตุการณ์ เรื่องราว พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ในการบริหารบ้านเมือง การปกครอง ฯลฯ ภายใต้พระปรีชาสามารถของพระพุทธเจ้าหลวง ด้วยพระองค์ทรงวางรากฐานความเจริญ เปิดประตูดินแดนขวานทองที่ดำรงไว้ซึ่งเอกราชมาช้านาน เพื่อทัดเทียมอารยะประเทศอย่างไม่น้อยหน้าใคร นับจากครั้งพระราชสมภาพ ครองราชย์ กระทั่งเสด็จสู่สวรรคาลัย สืบเนื่องมายังปัจจุบัน
โครงเรื่องหลักของธิราชเจ้าจอมสยาม เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ที่จำแนกไว้ 3 ตอน ได้แก่ ความรักต่อราชตระกูล ความรักต่อแผ่นดินสยาม และความรักต่อพสกนิกร ซึ่งข้อมูล เนื้อหาต่างๆ ที่บรรจุอยู่ในหนังสือเล่มดังกล่าวนี้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ได้เกินความสามารถ ผศ.วงเดือน ,ผศ.ชมพูนุช และอาจารย์สุวรรณา แต่อย่างใด ด้วยเพราะทุกท่านล้วนเป็นอาจารย์ที่สอนหนังสือในวิชาประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การค้นคว้าต่างๆ จึงง่ายขึ้นเป็นกองด้วยพื้นฐานองค์ความรู้ที่ทุกท่านมีอยู่





นับจากเดือน มิถุนายน 2552 กระทั่งถึง เดือนสิงหาคม 2553 คณาจารย์ผู้ทรงความรู้ ทั้ง 3 ท่าน ต่างทุ่มเทกำลังสมอง ต่อยอดความรู้ ยอมอ่อนล้าแรงกายเพื่อรังสรรค์ "ธิราชเจ้าจอมสยาม" ให้เป็นผลงานทรงคุณค่ามากที่สุดเล่มหนึ่งต่อการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ในช่วงรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยใช้ชั้น 8 ของอาคารพหลโยธิน ธนาคารกสิกรไทย เป็นสถานที่นัดเจอ ประชุมพูดคุย แบ่งงานความรับผิดชอบของแต่ละคนก่อนกลับไปทำงานที่บ้าน ในทุกๆ วันศุกร์ ของทุกสัปดาห์ ตลอดระยะเวลากว่าปีเศษ จนกลายมาเป็นหนังสือ 500 กว่าหน้า ที่อัดแน่นไปด้วยความน่าสนใจ เหมาะแก่หนอนประวัติศาสตร์ หรือผู้ที่อยากติดตามเรื่องราว ความเป็นมาต่างๆ ได้อย่างดี



พระบรมราชชนนนี ,พระมเหสี และเจ้าจอม ใน รัชกาลที่ 5




หนังสือ รวมถึงข้อบันทึกทางประวัติศาสตร์กว่า 100 เล่ม ทั้งเป็นของส่วนตัวคณาจารย์ทั้ง 3 ท่านเอง และจากการค้นคว้าเพิ่มเติมอีกมากถูกหยิบข้อมูลสำคัญในเชิงลึกรอบด้านมาเป็นส่วนประกอบในการเรียบเรียงถ้อยความอย่างลงตัว วิทยานิพนธ์จากผู้วิจัยต่างๆ ที่ศึกษาพระราชประวัติ รัชกาลที่ 5 ข้อมูลจาก หนังสือ 100 ปี ไกลบ้าน และเสด็จประพาสต้น ที่ได้รับการอนุเคราะห์จาก บริษัท โกลบอลอินเตอร์คอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเคยจัดทำจนประสบความสำเร็จมาแล้วมีบทบาทสำคัญช่วยการดำเนินงานนี้ลื่นไหลไม่สะดุด ภาพประกอบจากสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติจำนวนมาก บ่งบอกหลักฐาน เรื่องราวสำคัญให้เห็นชัดขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกสิกรไทยก็เป็นอีกกำลังใหญ่ในการเสาะหาหนังสือ สิ่งบันทึกต่างๆ มาช่วยกันให้ "หนังสือธิราชเจ้าจอมสยาม"เล่มนี้ครบเครื่องทั้งข้อมูล เนื้อหา หลักฐาน สีสัน อันประกอบด้วยภาพถ่ายเหตุการณ์และบุคคสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระปิยมหาราชไปได้มากโข





ผศ.ดร.วงเดือน เริ่มต้นเล่าให้ฟังว่า แนวคิดในการทำงานของเรา คือการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวต้องอยู่ในฐานข้อมูลของความเป็นจริง ไม่ใช่เรื่องการสรรเสริญเยินยอเกินจริง หนังสือธิราชเจ้าจอมสยามที่พวกตนร่วมกันทำ จะยกพระบรมราโชวาท พระราชดำรัส หรือพระราชหัตถเลขาที่ รัชกาลที่ 5 ทรงพระอักษรเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งคือ เรื่องราวที่คนใกล้ชิดท่านได้บันทึกไว้ หรือคนที่ร่วมพระราชกรณียกิจกับท่าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ข้าราชบริพาร เพื่อเป็นที่อ้างอิงเรื่องราวของพระองค์ท่านให้คนอื่นได้มีโอกาสศึกษาในโอกาสต่อไป ด้วยความพยายามหาต้นตอเพื่อให้ออกมาสมบูรณ์มากขึ้น







"เรื่องของรัชกาลที่ 5 ความยากอยู่ตรงที่ข้อมูลเยอะ การจะไปรวบรวมให้หมดยากมาก แต่ความไม่ยากคือ ข้อมูลที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านนั้นถูกต้อง เป็นข้อมูลชั้นต้น เป็นข้อมูลที่พระองค์ท่านทรงงงาน ทั้งบันทึกส่วนตัว บันทึกข้อราชการ นั่นเป็นเอกสารที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นจริงๆ ถ้าหากว่ามองหนังสือเล่มนี้มีประโยชน์อย่างยิ่ง อย่างน้อยทำให้คนไทยจำนวนมากที่ไม่ค่อยทราบประวัติศาสตร์ของตนเอง หรือเข้าใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้มาก อันนี้เราถือเป็นประโยชน์ ถ้ายินดีอ่าน" ผศ.วงเดือน เผย ผศ.ดร.วงเดือน นาราสัจจ์

ด้าน ผศ.ชมพูนุท กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงใส่ใจกิจการเรื่องของการบริหารบ้านเมืองอย่างแท้จริง พระองค์ทรงไปดูแลว่า เสนาบดี หรือ ขุนนางบริหารบ้านเมืองอย่างเต็มที่หรือเปล่า มีอะไรที่ยังไม่ครอบคลุม การเสด็จพระราชดำเนินของพระองค์ ไปตรวจราชการยังพื้นที่ต่าง ๆ มีทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ สิ่งที่เรานำมาเรียบเรียง ก็พยายามเตือนตนเองว่า ไม่ใช่วิทยานิพนธ์ ไม่ใช่งานวิจัย แต่เป็นงานที่ต้องการให้คนไทย ผู้อ่านภาษาไทยได้เข้าใจเรื่องราวได้ทั้งหมดอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่อ่านไปหลับไป อ่านแล้วต้องเกิดความสนุก เข้าใจในพระราชกรณียกิจ พระราชปณิธาน เข้าใจความรู้สึกของรัชกาลที่ 5 ณ ช่วงขณะนั้น



อาจารย์สุวรรณา สัจจวีรวรรณ

อาจารย์สุวรรณา กล่าวเสริมขึ้นว่า ต้องถือว่าเราโชคดี เนื่องจากรัชกาลที่ 5 ท่านทรงขยัน บันทึก ขยันเขียน ข้อเขียนของพระองค์เป็นหลักฐานทำให้พวกเราได้ศึกษาว่า รัชกาลของท่านทำอะไรไว้บ้าง ซึ่งมีเยอะมาก ในแต่ละส่วนเราไม่สามารถลงรายละเอียดถี่ยิบไม่ได้ เพราะคนจะไม่อ่าน คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีความเข้าใจประวัติศาสตร์มาก ทั้งยังอ่านง่ายไม่เหมือนอ่านงานวิชาการ ถ้าหากคนที่ไม่มีความรู้ แต่อยากจะศึกษาเรื่องราวในรัชสมัย ของพระองค์ท่านเชื่อว่า จะมีความเข้าใจในข้อมูลครบถ้วน ได้เห็นแง่มุมต่างๆ ที่บางครั้งเราไม่เคยได้รู้มาก่อนด้วยซ้ำ






พระมหากรุณาธิคุณ ของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เด่นชัด อีกประการหนึ่งคือ การที่พระองค์ทรงรักษาความเป็นเอกราชของดินแดนสยามประเทศไว้ไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของใคร ตรงส่วนนี้ ผศ.ชมพูนุท อธิบายว่า การล่าอาณานิคมมีเค้าลางมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แล้ว แต่สถานการณ์มาค่อนข้างวิกฤตใน รัชกาลที่ 5 ด้วยชาติมหาอำนาจไล่กว้านดินแดนอย่างหนัก โดยเฉพาะจากอังกฤษและฝรั่งเศสที่กระชับพื้นที่แดนสยามไว้ทั้งสองด้าน กระทั่งถึงขนาดที่ว่า ทั้งสองชาติตะวันตกนี้ ทำแผนที่แบ่งแยกสยามเป็นสองส่วนโดยอ้างเป็นอาณานิคมของตนเอง ในฐานะผู้บริหารสยามในขณะนั้น ทรงดำเนินวิเทโศบาย(นโยบายการต่างประเทศ)รวมสยามเป็นหนึ่งเดียว
ผศ.ชมพูนุท นาคีรักษ์

"จุดเปลี่ยนสำคัญอย่างหนึ่งของสยาม เกิดจากการเสด็จฯ ประพาสยุโรปครั้งที่ 1 ทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างดี จากพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย โดยพระองค์ทรงใช้ไมตรีทางการทูตพยายามทำให้ชาติตะวันตกเห็นว่า สยามเป็นรัฐอิสระ มีตัวตน มีอธิปไตยของตัวเอง สยามต้องก้าวไปสู่ความทัดเทียม การยอมรับของนานาชาติ คือ สร้างประเทศไม่ให้เป็นที่ดูถูก นี่คือ หัวใจสำคัญที่ทำให้ประเทศของเราไม่ถูกยึดครอง ผลพลอยได้ทำให้ชาติอื่นๆ เกรงใจ จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ท่ามกลางกระแสลัทธิจักรวรรดินิยมที่รุนแรงมากในยุคนั้น " อาจารย์สุวรรณากล่าวเสริม



พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซีย








ผศ.วงเดือน เล่าให้ฟังต่อว่า เรื่องสำคัญมากคือ อธิปไตย จากข่าวลือที่เป็นจริงในเรื่องของแผนที่ซึ่งตีพิมพ์การแบ่งสรรปันส่วนชาติสยามออกเป็น 2 ส่วนไปทั่ว ของทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสที่ไปตกลงทึกทักกันเอาเอง นั่นทำให้ชาวสยามกลัว เพราะบ้านเราไม่เหลืออะไรแล้ว แม้แต่กระทั่งศัตรูที่น่ากลัวที่สุดที่เราสู้รบกันมาเกือบตาย เอาชนะกันไม่ได้สักที อย่างพม่า ญวน หรือเขมร ก็เสียดินแดนให้ชาติตะวันตกไปแล้ว สยามก็เหลือดินแดนอยู่เพียงนิดเดียว นั่นทำให้ รัชกาลที่ 5 ทรง ตัดสินใจทำสนธิสัญญาเพื่อความอยู่รอด ทรงยอมเสียดินแดนส่วนน้อยเพื่อรักษาดินแดนส่วนใหญ่ไว้ นี่เป็นส่วนหนึ่งที่บั่นทอนพระราชหฤทัย ทำให้พระองค์ทรงเสียพระทัยมาก โดยเฉพาะวิกฤตการณ์ รศ.112 ที่ไทยเสียดินแดนลาวฝั่งแม่น้ำโขง และเขมรให้กับฝรั่งเศส กระทั่งประชวรในช่วงปลายรัชกาล และเท่ากับเป็นการบั่นทอนพระชนมายุให้สั้นลงขึ้นไปอีก




ความเป็นมาของคำว่า ธิราชเจ้าจอมสยาม นำมาจากโคลงสี่สุภาพที่พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี ทรงนิพนธ์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อครั้งทรงประชวรด้วยความตรอมตรมพระทัยในกรณีเหตุการณ์ ร.ศ. 112 เพื่อทรงปลุกปลอบพระทัย และสะท้อนความรู้สึกทุกข์ระทมของกลุ่มข้าราชสำนักฝ่ายใน ความตอนหนึ่งว่า







สรวมชีพข้าบาทผู้ ภักดีพระราชเทวีทรง สฤษดิ์ให้สุขุมาลมารศรี เสนายศ นี้นาสิ่ขอกราบทูลท่านไท้ ธิราชเจ้าจอมสยาม












ในยุคแรกๆ ของรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในราชสำนัก อันเป็นที่มาของ วิกฤตการณ์วังหน้า นั่นคือ ความขัดแย้งระหว่างวังหลวงกับวังหน้า ซึ่งนำโดย กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เหตุใดถึงไม่ค่อยมีการเอ่ยถึงนักในหนังสือประวัติศาสตร์เล่มต่างๆ เรื่องดังกล่าวนี้ ผศ.วงเดือน อธิบายว่า วิกฤตการณ์วังหน้ามีคนศึกษาเยอะ โดยเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งช่วงต้นรัชกาล ไม่เรียกว่ากบฎ เกิดขึ้นจากการที่รัชกาลที่ 5 ทรงริเริ่มปฏิรูปปรับปรุงการปกครองประเทศให้ทันสมัย โยงอำนาจเข้าศูนย์กลาง รวบรวมการเก็บภาษีมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งกระทบกระเทือนต่อการเก็บรายได้ สร้างความไม่พอใจแก่เจ้านายและขุนนางเก่าแก่เป็นอันมาก ทั้งยังเป็นตัวบั่นทอนความมั่นคงของราชบังลังก์ เพราะเป็นปัญหาของผู้นำประเทศไม่เกี่ยวกับราษฎร ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็คือปัญหาภายในของรัฐบาลนั่นเอง เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องที่รัชกาลที่ 5 ท่านจะต้องทำยังไงที่จะทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า หนังสือเล่มอื่นๆ จะมีผู้ที่ศึกษาเฉพาะเรื่องอาจไม่ค่อยมีการพูดถึงวิกฤตการณ์วังหน้า ถ้าพูดด้วยความเป็นธรรมนั่นเพราะเขาไม่มีพื้นที่ที่จะเขียน เนื่องจากหนังสือบางเล่ม มีธีมในการนำเสนอเรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นการลงประเด็นเฉพาะบางเรื่องมากกว่า กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ




อีกเรื่องที่ยังกลายเป็นข้อสัยของคนไทยมากเช่นกัน เนื่องจาก ในสมัย พระพุทธเจ้าหลวง ทรงโปรดฯให้มีการยกเลิกระบบไพร่ ทาส มาตั้งนานแล้ว เพื่อปลดปล่อยให้ประชาชนมีอิสระ เสรีภาพในการดำรงชีวิต แต่เหตุใด ถึงยังมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มนำประเด็นเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไข เพื่อใช้ต่อรองทางด้านการเมืองอยู่อีก ผศ.วงเดือน ชี้แจงให้ฟังว่า สิ่งนี้เป็นเรื่องของวาทกรรม กลุ่มคนที่ยังพูดถึงเรื่องไพร่ เรื่องชนชั้นอยู่นั้น เป็นพวกที่หาประโยชน์เอากับความไม่รู้ของคนในสังคมที่อาจไม่ค่อยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เสมือนเป็นพวกที่ไม่ยอมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของชาติบ้านเมือง ทั้งที่ ตอนเรียนหนังสือ คนพวกนี้น่าจะทราบดีว่า เหตุการณ์ในสมัยนั้นมีอะไรบ้าง แต่เหมือนกับพอโตขึ้น ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดก็คืนให้กับครูอาจารย์ไปหมดสิ้น



ท่ามกลางวิกฤตการณ์หลากหลายในสังคมปัจจุบันขณะ คณาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ได้ฝากข้อคิดเตือนสติไปยังคนไทยทั้งประเทศ เริ่มด้วย อาจารย์สุวรรณา ซึ่งชื่นชมในพระปรีชาสามารถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาก ที่ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกล ทุกวันเวลาท่านนึกถึงแต่ว่าจะทำประโยชน์อันใดให้แก่ ชาติบ้านเมือง ท่านทรงงาน มา 42 ปี ตลอดการครองคราชย์ ผู้ได้อ่านหนังสือ "ธิราชเจ้าจอมสยาม"เล่มนี้ จะทราบว่า มียอดพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถและทรงงานหนักเพื่อประเทศชาติ มาตลอดพระชนม์ชีพ




ต่อด้วย ผศ.ชมพูนุท ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่อยากจะฝาก คือ นโยบายการรวมเป็นหนึ่ง ความสามัคคี ความปรองดอง เพราะถ้าศึกษาประวัติศาสตร์ให้ดี จะพบว่า ในช่วงต้นรัชกาาลที่ 5 จะเห็นว่า บ้านเมืองมีหลากหลายความคิด เฉพาะในส่วนราชธานีมีหลายกลุ่ม ในราชธานี มีหลายกลุ่ม และจะยังในส่วนหัวเมือง ชายขอบพระราชอาณาเขต แต่ว่า ทุกคนที่เป็นผู้นำในขณะนั้นได้ร่วมมือร่วมใจขจัดความแตกแยกนี้ออกไป โดยยอมรับในพระราชอำนาจของศูนย์กลางอำนาจ แต่ขณะเดียวกันศูนย์กลางราชอำนาจก็ไม่คิดที่จะรวบพระราชอำนาจ พระองค์ได้สร้างสังคมใหม่ที่ประชาชนมีความเสมอภาค มีเสรีภาพที่จะประกอบอาชีพ ที่จะศึกษาพัฒนาตนเอง และได้รับความช่วยเหลือจากทางการ ด้านสาธารณูปโภค สาธารณสุข การแพทย์ ฯลฯ ตามที่มนุษย์ควรจะมี เพราะพระองค์เห็นตัวอย่างจากประเทศเพื่อนบ้านที่ถูกยึดครองว่า มีที่มาเป็นอย่างไร เพราะความแตกแยกทางความคิด การแก่งแยกอำนาจกันเอง ทำให้ประเทศเหล่านั้นเสียดินแดน อันนี้คือประสบการณ์จริงที่เรามองเห็น เพราะฉะนั้นทุกกลุ่มในสยามต้องลดทอนความแตกแยกลง เพื่อความอยู่รอดของประเทศและทำให้ประเทศเข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น 100 กว่า ปีก่อน และเราต้องหันมาพิจารณาตนเองให้ได้ในปัจจุบัน





สยามประเทศ เมื่อ 100 กว่าปีก่อน ในช่วงรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีสุข ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ถ้าเทียบกับปัจจุบัน ผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศไทยจะนำมาปรับใช้ได้อย่างไร นั้น ผศ.วงเดือน กล่าวว่า การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของราษฎรในยุคนั้น น้อยกว่าปัจจุบันมาก ด้วยข้อจำกัดทางการศึกษา การคมนาคม การสื่อสาร ยังไม่เจริญเท่าสมัยนี้ แต่ในการปกครองประเทศของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้นำประเทศที่สร้างศรัทธาให้กับประชาชนเป็นอย่างมากสมัยนั้น และทรงคิดถึงประเทศชาติมากๆ ในเรื่องของพระราชทรัพย์ หรือเงินท้องพระคลัง เวลาพระองค์จะใช้จ่ายสิ่งใดก็ทรงชี้แจงที่มาที่ไปให้กับพสกนิกรทราบทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ โปร่งใสในการทำงาน จึงเป็นสิ่งที่ผู้นำยุคนี้ควรจะทำให้ได้อย่างนี้ ทุกสิ่งอย่างที่พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกาย และสละเวลาตลอดพระชนมายุ เป็นการวางรากฐานคุณภาพชีวิตให้กับชาติบ้านเมือง และปวงชนชาวไทย ดังนั้น ถ้าบ้านเมืองนี้จะไปรอดแค่ไหน ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ"พลังของคนในชาติ" ต้องนึกถึงให้มากๆ ว่า กว่า สยามจะกลายเป็นปึกแผ่น มั่นคงภายใต้ชื่อประเทศไทย สยามต้องพบเจออะไรมาบ้าง ดังนั้น วันปิยะมหาราชปี นี้ ที่ครบหนึ่งร้อยปีแห่งการสวรรคต จึงอยากให้เป็น "วันสามัคคีแห่งชาติ" อีกวันหนึ่งของไทยด้วยเช่นกัน



"หยุดความคิดที่เอาตัวเองเป็นใหญ่กันเสียที เราต้องมองไปที่ประเทศชาติ รัชกาลที่ 5 ทรงเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต ประเทศเราฝ่าฟันสารพันปัญหามาได้ ด้วยเพราะพระองค์ทรงงงานทุกอย่าง และทุกวันโดยมิทรงได้มีวันหยุด เพื่อให้สยามอยู่รอด เรื่องอะไรที่เราจะให้คนไม่กี่คนมาทำให้เกิดความแตกแยก ผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะเปลี่ยนมากี่คนก็ไม่ใช่ชาติ ความเป็นชาติไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลใดบุคคลหนี่ง แต่ชาติคือการรวมพลังของคนทั้งประเทศ เราถึงจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง "



ผศ.วงเดือน ปิดท้าย ถึงสิ่งชนรุ่นหลังจะได้ จากการอ่านหนังสือ "ธิราชเจ้าจอมสยาม" คือการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของชาติ กว่าประเทศไทยที่ประคองตัวมาถึง ณ วันนี้ ไม่ได้มาด้วยตัวของมันเอง ไม่ใช่เรื่องของฟ้าประทาน หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ แต่เป็นเรื่องของผู้นำที่ทำเพื่อความอยู่รอดของประเทศ หน้าที่ของเราคือการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อรักษาอธิปไตยต่อไป ต้องตัดเรื่องความกระทบกระแทกความคิดส่วนตัวนั้นออก เราต้องพร้อมใจกันคิดว่า สิ่งที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไม่ใช่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่ความเป็นชาติ ความเป็นอธิปไตย เราต้องไม่สูญเสียอะไรอีกแล้ว และไม่ได้ถูกทำลายจากน้ำมือของใคร...
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านorange-shop2
orange-shop2
ขายแผ่น
เบอร์โทร : 0628022626
อีเมล : orangeshop2@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม