จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | DVDไทย |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
คนค้นคน รายการดี ๆ จากช่อง 9 อสมท. น่าสะสมมากค่ะ
รายการ สร้างสรรค์สังคมยอดเยี่ยม สตาร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ อะวอร์ด 2004 จาก สมาคมนักข่าวบันเทิง เมื่อค้นหา. จะได้พบกับบางสิ่งที่ไม่เคยรู้จักบางสิ่งที่รู้จัก.อาจแตกต่างจากหลายสิ่งที่คิดหลายสิ่งที่คิด.อาจมิใช่บางสิ่งที่เคยเข้าใจ ออกอากาศ วันอังคาร เวลา 22.00 - 23.00 น. MODERNINE TV. (ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.) เดินเรื่องโดย สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ และ ประสาน อิงคนันท์ นำเรื่องโดย ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร"คนค้นฅน" รายการประเภท DOCU-DRAMA ที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์อย่างมีชั้นเชิงอย่างที่ไม่เคยปรากฏ ในจอทีวีเมืองไทยมาก่อนเพลง "คนค้นฅน" เนื้อร้อง - ทำนองโดย " พจนารถ พจนาพิทักษ์ " --------------------------------------------------------------------------------โลกมีเรื่องราวเรียงรายเก็บงำความหมายซ่อนอยู่ไม่ออกไปค้น ไม่ออกไปดู ยิ่งไม่รู้ใหญ่ หากคนไม่เคยรู้จักหากมองหน้าไม่รู้ใจหากสิ่งที่เห็น ไม่เป็นอย่างคิดมากมาย * ก็เลยต้องหาทาง ตามไปเจอไปดู คุยกันให้รู้ให้ลึกกว่าที่เห็นยากเย็นจะยอมดิ้นรน คน ค้น คนชีวิตนั้นมีหลายตอนมีความซับซ้อนซ่อนอยู่เคยตั้งคำถาม เคยอยากไปดู ไม่รู้เมื่อไหร่ไปเป็นเหมือนเงาตามกันเผชิญคืนวันข้างในได้เก็บมาคิด ได้มองชีวิตเข้าใจ* ก็เลยต้องหาทาง ตามไปเจอไปดู คุยกันให้รู้ให้ลึกกว่าที่เห็นยากเย็นจะยอมดิ้นรน คน ค้น คนยากเย็นหรือว่าวกวน คนค้นคนเข้าใจในความเป็นคน คนค้นคนคน ค้น คน.คน ค้น คนนา นา นา นา คน ค้น ฅน ตอนที่ 1 ปู่เย็น..เฒ่าทระนง คุณเคยตั้งคำถามให้กับตัวเองหรือไม่ ถ้าในวันหนึ่งคุณมีอายุ 100 ปี วันนั้นคุณจะเป็นอย่างไร อยู่กับใคร อยู่ในสภาพไหนและที่สำคัญการมีชีวิตในวัยชราของคุณในวันนั้นจะเป็นอย่างไร คนค้นฅนจะพาคุณผู้ชมไปพบกับ 1 คำตอบของคำถามนี้จากชีวิตของชายชราคนหนึ่งที่มีอายุเลยข้ามศตวรรษมาถึง 106 ปี เย็น แก้วมณี หรือปู่เย็น ชายชราหลงยุคผู้มีมีร่างกายแข็งแรงและเต็มเปี่ยมหัวใจที่แข็งแกร่งที่ไม่ยอมจำนนต่อวัยและสังขารอันร่วงโรย ในเรือลำเล็กๆลำหนึ่งขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 5เมตรที่เป็นทั้งเรือนงานแห่งชีวิตกับการยึดอาชีพวางอวนหาปลาในแม่น้ำเพชรบุรีอีกรวมถึงยังเป็นเรือนนอนที่กินอยู่และอาศัยพักพิงเพียงอยู่ตัวคนเดียวมาหลายสิบปีหลังจากที่ภรรยา ญาติสนิทมิตรสหายค่อยๆล้มหายตายจากไปตามอายุขัยของคนปกติที่มีอายุไม่เกิน 80 ปี ตอนที่ 2 รุ่งอรุณของปู่เย็น ตอน1 + ตอน 2 + ตอน 3 เรื่องราวความผูกพันของหลานสาวและปู่ต่างสายเลือดเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเทปโทรทัศน์ของรายการคนค้นคนตอนปู่เย็น เฒ่าทรนงได้ออกอากาศผ่านไป กระแสความเคารพนับถือปู่เย็นเกิดขึ้นทั่วประเทศ ผู้คนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาเยี่ยมยามถามข่าวปู่เย็นอย่างไม่ขาดสาย หนึ่งในนั้นคือเด็กสาวที่ชื่อรุ่งอรุณ ผู้เพิ่งจะสูญเสียคุณตาอันเป็นที่รักของเธอไปเมื่อไม่นานก่อนที่จะได้รู้จักชายชราผู้มีใจแข็งแกร่งและอารมณ์ดีอย่างปู่เย็น เด็กหญิงรุ่งอรุณ หรือเด็กหญิงปอ เป็นคนจังหวัดโคราช ซึ่งเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก มีแต่คุณตาเท่านั้นที่รักและดูแลให้ความเมตตาแก่หลานสาวคนเดียวอย่างเต็มที่จนกระทั่งเธอโตเป็นสาว เรียนชั้นมัธยมปลายก็ยังดูแลเอาใจใส่คุณตาของเธออย่างดีที่สุด จนกระทั่งเมื่อคุณตาป่วยหนัก ปอก็เป็นคนเดียวที่ดูแลคุณตาของเธออย่างใกล้ชิดจนลมหายใจสุดท้ายของคุณตาสิ้นไปด้วยโรคร้าย เหลือไว้แต่เส้นผมและคำสอนของตา ซึ่งตาจดใส่กระดาษไว้ให้เธอเมื่อครั้งที่คุณตาป่วยหนัก วันที่คุณตาจากไป เป็นวันที่ปอรู้สึกสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในชีวิต แต่เมื่อได้ดูรายการคนค้นคนตอนปู่เย็น ทำให้ปอมีความรู้สึกมีกำลังใจ และไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ปู่เย็นทำให้เธอรู้สึกว่ายังมีคุณตาอยู่ใกล้ๆ เธอเสมอ หลังจากที่ปอได้รู้จักปู่เย็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เธอก็นั่งร้องไห้ไป ดูเรื่องราวของปู่เย็นไป นับจากนั้นมา ปอก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะไปพบปู่เย็นให้ได้ด้วยความรู้สึกว่า ปู่เย็นคือชายชราผู้ใจดีและเป็นตัวแทนแห่งความรัก ความเมตตาทั้งมวลที่เธอเคยได้รับจากคุณตาของเธอ สามสัปดาห์หลังจากที่ปอดูรายการตอนปู่เย็น ปอก็เก็บเงินเป็นค่าเดินทางไปเยี่ยมปู่ถึงเรือของปู่ตามลำพัง เป็นเวลาหลายวันที่เด็กสาวได้แต่เมียงๆ มองๆ อยู่ใกล้ๆ เรือของปู่ จนกระทั่งเธอได้มีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับปู่เย็นในที่สุด ชายชราที่อยู่ในวัยไม้ใกล้ฝั่ง กลับกลายเป็นคนที่มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนต้นไม้ในแผ่นดินแห้งได้น้ำฝนใหม่ ปู่เย็นสนิทสนมกับปอมากขึ้นตามกาลเวลาที่ปอได้มาเยี่ยมปู่นับได้ยี่สิบกว่าครั้งมาแล้ว ปู่เย็นเรียกปอว่าหลานอย่างเต็มปากเต็มคำ ทั้งยังเป็นห่วงเป็นใยเสมอ และจดจำหลานปอคนนี้ได้ดีเป็นพิเศษ เมื่อปู่เย็นมีปอผู้เป็นเสมือนหลานบุญธรรมมาเยี่ยม มาดูแล พูดคุยอยู่เป็นเพื่อนอย่างใกล้ชิดหลายๆ ครั้ง ก็ดูเหมือนจะช่วยลดความเงียบเหงา เปล่าเปลี่ยวช่วงบั้นปลายชีวิตของชายชราลงไปได้มาก ขณะเดียวกันปอเองก็มีปู่เย็นเป็นตัวแทนของคุณตาที่เพิ่งเสียไป ความเป็นผู้สูงอายุใจดีของปู่เย็นก็ช่วยทำให้ปอรู้สึกเหมือนกับได้อยู่กับคุณตาของเธออีกครั้งหนึ่ง ในเมื่อปอเองก็ชอบดูแลอยู่ใกล้ชิดกับคนแก่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ความผูกพัน ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างชายชราอายุ 107 ปี กับหลานสาวอายุ 23 ปี จะเพิ่มพูนทวีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ทั้งสองต่างเป็นฝ่ายเติมเต็มความรู้สึกส่วนที่ขาดหายไปให้แก่กันและกันอยู่ตลอดเวลา การที่ปอเคยใฝ่ฝันว่า วันที่ได้รับปริญญานั้นจะเป็นวันที่คุณตาของเธอจะได้อยู่ร่วมชื่นชมความสำเร็จในชีวิตของหลานสาวนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว ปอจึงรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้ทำอะไรตอบแทนคุณตาของเธอเลย แม้กระทั่งจะทำให้คุณตามีความสุขในช่วงบั้นปลายของชีวิต ทั้งๆ ที่คุณตาได้ให้ความรัก ความอบอุ่น และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับปอมาโดยตลอด ด้วยความรู้สึกนี้จึงทำให้ปอพยายามชดเชยในสิ่งที่ตนเ องรู้สึกว่า ไม่ได้ทำให้คุณตาโดยมาชดเชยให้แก่ปู่เย็นแทน ความน่าสนใจของคนทั้งคู่คือ ระหว่างคนหนึ่งที่เป็นเด็กสาวกับอีกคนหนึ่งที่เป็นชายชรา ซึ่งทั้งคู่ไม่ใช่ปู่กับหลานแท้ๆ โดยสายเลือด ทั้งยังมีโลกทางกายภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงคือ โลกของปอเป็นโลกของเด็กสาวสมัยใหม่ ขณะที่โลกของปู่เย็นเป็นโลกของคนวัยชราที่มีความทรงจำอยู่กับวันวานที่ผ่านมาถึง 107 ฤดูฝน เหตุผลอะไรที่ทำให้คนสองคนคนวัยอย่างปอและปู่เย็นมาผูกพันกันได้หลังจากที่ปอต้องสูญเสียคุณตาและได้เจอกับปู่เย็น ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง สุดท้ายแล้วปอจะแก้เงื่อนปมชีวิตของตัวเองได้ด้วยวิธีไหน ติดตามเรื่องราวความรักและผูกพัน รวมทั้งมิตรภาพอันงดงามของคนสองวัยที่มาเติมเต็มความขาดหายของชีวิตซึ่งกันและกันได้ในรายการคนค้นคน คืนวันอังคาร ที่ 1 และ 8 พฤษภาคม ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ตอนที่ 3 สามพี่น้องนักสู้แห่งลุ่มน้ำปิง คนค้นฅนอาทิตย์นี้ เป็นเรื่องของนักชกสามพี่น้องแห่ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ แตม ตัง และต็อบ นักสู้ตัวเล็กสามคน สามคาแรกเตอร์ บนสังเวียนผ้าใบ นักมวยสามพี่น้อง เป็นที่รักและรู้จักกันดีของคนทั้ง อ.เชียงดาว ในนาม ของ คชสาร ส.สุมาลี พี่คนโตที่เป็นนักมวยพันธ์ดุ ชกเร้าใจ เจ้าไหมเล็ก หรือฟ้าประทาน ส.สุมาลี น้องคนกลางที่เป็นใบ้ พูดไม่ได้และหูไม่ได้ยิน แต่เป็นนักมวยที่มีรูปมวยสวยงาม ใช้สมองในการชก และมีความอึดเป็นยอด ส่วนน้องคนเล็ก เจ้าของนาม ลูกกรอก ส.สุมาลี เป็นนักชกตัวเล็กที่มีลีลาการชกสนุก เร้าใจที่สุด นักชกเด็กทั้งสามอยู่ในความอุปการะของยายและตา พ่อเสียชีวิตแล้ว ขณะที่แม่ก็ขาดการติดต่อไปนานหลายปี โดยที่พวกเขารับรู้จากยายเพียงแค่ว่า แม่ไปทำงาน บนเวทีชีวิต นักมวยเด็กทั้งสามจึงมีเพียงยายและตาคอยเป็นเทรนเนอร์สอนบทเรียนชีวิตแทนพ่อและแม่ จากความตั้งใจทีแรก ที่พาหลานเข้าไปฝากซ้อมมวยในค่ายมวยของญาติ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาไปยุ่งกับยาเสพติดที่กำลังระบาด กีฬามวยกลายเป็นกีฬาที่เด็กทั้งสามรักหลงไหลและจริงจังกับมัน ปัจจุบันยายและตาจึงต้องเดินสายตามไปเชียร์หลานชายตามเวทีต่าง ๆ ที่พวกเขาขึ้นชก ไม่เพียงแต่หลงรักกีฬาชกมวย แต่แตมพี่ชายคนโต นักชกวัย 14 ยังตั้งเป้าจะชกมวยเป็นอาชีพ เพื่อเก็บเงินสร้างบ้านรอแม่กลับมาอยู่ด้วย การหายไปของแม่ กลายมาเป็นแรงบันดาลใจของเขาที่จะทำชีวิตให้ดี ด้วยความหวังว่าแม่จะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แม่กลายเป็นพลังชีวิต เป็นกำลังที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจ เพื่อให้มีแรงที่จะลุกขึ้นสู้ ทั้งในเวทีชีวิตและบนสังเวียนผ้าใบ ติดตามเรื่องราวชีวิตของเด็กชายสามพี่น้อง นักสู้แห่งลุ่มน้ำปิง ได้ในคนค้นคน อังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ นี้ ตอนที่ 4 อรหันต์ชาวนา ในวโรกาสเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางรายการคนค้นฅน ได้ร่วมเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านด้วยการนำเสนอเรื่องราวของชาวนา จ. ยโสธรคนหนึ่งที่น้อมรับกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงและการพึ่งพาตนเองมาเป็นแนวทางชี้นำชีวิตของเขาและครอบครัวให้สามารถอยู่รอดได้ในระบบสังคมที่บริโภคทุนนิยมอย่างเช่นทุกวันนี้ หากเอ่ยถึงอาชีพชาวนาแล้วน้อยคนนักที่จะหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเป็นชาวนาให้ได้โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึงด้วยซ้ำแทบจะไม่มีใครอยากจะสืบทอดกรรมพันธุ์ชาวนาจากพ่อแม่ ต่างก็หันหลังให้กับทุ่งนาหันหน้าเข้าสู่สังคมเมืองเพื่อไปขายแรงงานโดยมีเหตุผลซ้ำๆ ที่บ้านไม่มีงานทำ,อยู่ไปลูกเมียก็อดตาย,ไปตายเอาดาบหน้า.... ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต่างก็ต้องรีบถีบตัวเองให้พ้นจากความยากจนข้นแค้นและความแห้งแล้งของผืนดินอีสาน พากันหลั่งไหลเข้ามาหางานทำในกรุงเทพฯ 1 ในนั้นก็คือ แหลม พูนศักดิ์ สมบูรณ์ ชายหนุ่มวัย 33 ปี แห่งบ้านโนนยาง อ.กุดชุม จ.ยโสธร ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีความคิดแบบนี้ หากว่าวันนั้นเค้าทนเห็นการเอารัดเอาเปรียบกันของผู้คนในสังคมเมืองใหญ่ได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไร.... แหลมเกิดและเติบโตมาในครอบครัวชาวนา....ทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษเมื่อเรียนจบ ป. 6 แหลมก็เดินทางเข้ามาทำงานก่อสร้างในเมืองตามกระแสนิยมของสังคมและความต้องการของพ่อแม่ที่มีความหวังว่าอนาคตของลูกจะดีขึ้นไม่ต้องมาทำนาให้ลำบากเหมือนตนเอง ชีวิตในเมืองหลวงนี่เองทำให้เขาเรียนรู้ถึงระบบนายทุนที่เข้ามาครอบงำทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งจิตใจของผู้คน ทุกอย่างถูกตีมูลค่าเป็นเงินแม้กระทั่งน้ำเปล่าแค่ 1 แก้วคิดจะหาน้ำใจจากผู้คนสังคมเมืองนั้นยากเต็มที่ และความคิดระบบนี้กำลังคืบคลานเกาะกินจิตใจผู้คนในสังคมชนบทอย่างรวดเร็ว เมื่อก่อนผมไม่เคยมีความคิดว่าจะทำนาเหมือนพ่อแม่มาก่อนเลยคิดอยู่อย่างเดียวว่า การเข้าเมืองไปขายแรงงานทำให้มีเงินแล้วความเป็นอยู่จะดีขึ้นด้วย ในหัวตอนนั้นคิดแต่ว่าจะต้องมีเงิน....ต้องหาเงิน....อยากกินอยากได้อะไรก็ได้แค่เรามีเงินซะอย่าง หลังจากที่ผมทำงานเป็นลูกน้องเขา เห็นการเอารัดเอาเปรียบกันมาก อย่างอะไหล่ชิ้นละ 5 บาทแต่เฒ่าแก่แกเขียนบิลให้ลูกค้าเป็น 300 บาท ผมก็คิดว่ามันเป็นการเอารัดเอาเปรียบกันมากเกินไปแล้ว หากผมยังทำงานต่อไปก็จะบาปไปเรื่อย ๆ มันไม่ใช่วิถีชีวิตของเรา เกิดมาในครอบครัวชาวนาถึงยากจนก็ไม่เคยถูกสอนมาให้เป็นคนขี้โกงแบบนี้เลยตัดสินใจลาออก ตอนนั้นพ่อกับแม่ผิดหวังในตัวผมมาก แหลมตัดสินใจพาเรณุผู้เป็นภรรยา และลูกชายที่อยู่ในวัยเรียนทั้ง 2 คนหันหลังให้กับระบบนายทุนที่มีความสัมพันธ์กันแค่เปลือกนอก หวนกลับสู่วิถีดั้งเดิมของบรรพบุรุษ คือ อาชีพชาวนา โดยยึดเอากระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่พอเพียงและทำไร่นาสวนผสมมาเป็นแนวทางให้กับชีวิตโดยไม่สนใจต่อคำสบประมาทของชาวบ้าน ที่มองว่าเค้าเป็นผีบ้า ในตอนนั้นไม่มีคนเห็นด้วยกับผมเลย แม้กระทั่งพ่อแม่ก็คัดค้านเพราะขามองไม่เห็นทางว่ามันจะอยู่รอดได้ ผมก็ได้แต่พยายามที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเชื่อว่า วิถีแบบนี้มันยั่งยืนและเป็นจริงที่สุด.... เพราะกลางคืนเดือนแจ้งผมจะลงไปขุดดินทำหลุมปลูกผัก บางวันก็ทำงานไม่หยุด เพราะต้องการที่จะให้มันเกิดผลเร็ว ๆ ให้พื้นที่แห้งแล้งกลายเป็นสีเขียวให้ได้ แล้วที่สำคัญผมต้องการพิสูจน์ให้ชาวบ้านที่เขาปรามาส ไว้ว่า ไม่มีทางเป็นจริงได้....แต่ผมจะทำให้ได้... แหลมเริ่มต้นทำนาแบบเกษตรพอเพียงด้วยที่ดินจำนวน 16 ไร่ โดยแบ่งเป็นโซนทำนา 7 ไร่ ทำสระเลี้ยงกบเลี้ยงปลาและกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งอีก 3 ไร่ เป็นที่อยู่อาศัยและปลูกผักสวนครัวอีก 6 ไร่ โดยจะแบ่งผลผลิตที่ได้มา 3 ส่วน 1. ขาย 2. กินเอง 3. ให้ญาติพี่น้อง โดยแหลมบอกว่า ที่ต้องเก็บไว้ให้พี่น้องก็เพราะเขามีบุญคุณกับเรา เวลาที่เขามาเยี่ยมในช่วงเทศกาลมีผลไม้เสื้อผ้ามาฝากเราทำนามีข้าวก็เอามาฝากเค้าแลกเปลี่ยนกันมันเป็นวัฒนธรรมมาแต่โบราณที่ไม่ได้ตีค่ามูลค่าสิ่งของเป็นเงินถ้าเราผลิตแล้วขายหมดพี่น้องก็อาจจะตีมูลค่าของที่นำมาฝาก วัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนก็จะหมดสิ้นไปต่อไปพี่น้องอาจจะไม่รู้จักกันก็ได้ ผมจะผูกพี่น้องด้วยวัฒนธรรมแบบนี้ ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าเงินเป็นตัวนำหน้าจิตใจอย่างเวลาขายกบขายปลาทั้งให้ทั้งแถมถ้าขาดทุน ผมจะคิดว่าได้ทำบุญไม่ได้เงินก็ไม่เป็นไร ถ้าเอาเปรียบแล้วได้เงินมาก แต่ก็ได้บาปมากไปด้วย ผมก็ไม่เอาแลกเปลี่ยนกันกินจะดีกว่า แหลมทำนาแบบเกษตรผสมโดยไม่ใช้สารเคมีทุกชนิดมา 6-7 ปีแล้ว และพยายามยึดหลักวิถีชาวนาดั้งเดิม ไว้ให้ได้มากที่สุดแต่ก็ไม่ปฏิเสธของสมัยใหม่ไปทั้งหมด วิธีการทำนาแบบผสมเขาบอกว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ควาย ชาวนาที่ดูถูกควายผมไม่คิดว่าเค้าเป็นชาวนา ชาวนาจริง ๆ จะคิดว่า ควาย คือเพื่อนที่มีบุญคุณ สำหรับผมกลับยกย่องว่า ควายเป็นครู ผมต่างหากที่คิดว่าตัวเองเป็นศิษย์ของควาย ทุกวันนี้แหลมพยายามนำวัฒนธรรมดั้งเดิมมาใช้ร่วมกันในการดำเนินชีวิตและทำนาโดยอาศัยการเกื้อกูลกันของวัฏจักรตามธรรมชาติ และนำความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตได้มาก เขามองว่าการทำนาปัจจุบันนี้ต้องเอาระบบเก่าและระบบใหม่มาผสมผสานกันชีวิตของชาวนาจึงจะสามารถอยู่รอดได้และการออกไปเปิดหูเปิดตารับข่าวสารข้างนอกก็ช่วยให้ประสบผลสำเร็จเร็วขึ้น การทำนาสมัยนี้ชาวนามักใช้เงินเป็นทุนอย่างเดียว ทุนปัญญา และทุนกำลังคนแทบจะไม่ต้องใช้เลยไม่มีเงินก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินมา ไม่หลุดพ้นจากวงจรหนี้สักทีหากเรานำทุนทั้ง 2 อย่างนั้นมารวมกัน จะทำให้หลุดพ้นจากระบบหนี้สินนี้ได้ นอกจากนี้แหลมยังมีความคิดต่อยุคสมัยนี้ว่า ยุคนี้มันเป็นยุคของนายทุนฆ่าชาวนา ชาวนาจริง ๆ แล้วไม่มีอะไรเลย นอกจากปัญญาและกำลังที่ติดตัวมาเฉย ๆ และด้วยความซื่อจึงไม่รู้ทันระบบนายทุนเราไม่ใช่พ่อค้าคิดไม่ทันเขาหรอก หากจะมาทำเกษตรธรรมชาติแบบผสมนั้นยาก หากยังวิ่งตามนายทุนกันอยู่สุดท้ายก็ต้องตกหลุมพรางที่เขาวางไว้อย่างเช่น มีนโยบายโคล้านตัวก็เลี้ยงกันทั้งหมู่บ้านทั้งประเทศไหลไปตามกระแสทั้งที่บรรพบุรุษของเราก็เลี้ยงวัวเลี้ยงควายกันมาตั้งแต่ดั้งแต่เดิมเมื่อมีนายทุนเข้ามาต้องเลี้ยงวัวด้วยหัวอาหารแทนหญ้า ส่วนหญ้าก็เป็นหญ้าปลูก ทุกอย่างมันต้องใช้เงินหมด สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร ตราบใดที่ชาวนาอย่างเรา ๆ ยังดูแต่ทีวีมีโฆษณาชวนเชื่อ ดูแต่ละครน้ำเน่า แล้วรับเอามาเป็นแบบอย่าง ดูหรือฟังแบบไหนก็นำมาแสดงแบบนั้น นอกจากจะนำพาตัวเองเข้าสู่เกษตรพอเพียงแล้ว แหลมยังพยายามถ่ายทอดแนวคิดให้กับชาวบ้านและลูกชายทั้ง 2 โดยวิธีการพ่อนำพาลูก เพราะเขามั่นใจว่าเมื่อเด็กเห็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำก็จะจดจำ พ่อแม่พาเล่นไพ่ลูกก็ต้องเล่นไพ่ พ่อแม่พาดำนาลูกก็ต้องดำนา แม้กระทั่งเรื่องการศึกษาในระบบโรงเรียนเขาก็ยังคิดสวนกระแสพ่อแม่คนอื่นๆ ผมคิดว่าใบปริญญาเป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น การปฏิบัติจริงนี่แหละคือ ปริญญาชีวิต วิถีชาวนากินอยู่กันยังไงผมจะพยายามสอนพวกเขาทุกอย่าง ให้เค้าเกี่ยวหญ้าให้ควาย และเก็บเห็ดเช้า ๆ 2 พี่น้องก็ปั่นจักรยานนำเห็ดไปขายก่อนไปโรงเรียนสอนให้เค้าเก็บออมเงินที่หามาได้ ไม่เคยหวังว่า จะต้องมีเงินเยอะ ๆ บ้านหลังโต ๆ มีรถเก๋งขี่ เพียงมีอยู่มีกินมีอาหารครบถ้วนในแต่ละวัน ลูกเมียอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าไม่แยกย้ายไปขายแรงงานที่ไหน ครอบครัวมีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจแค่นี้ผมก็ภูมิใจและพอใจแล้ว ณ วันนี้แหลมเริ่มมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์หันกลับมาทำนาแบบปลอดสารพิษและเกษตรพอเพียงร่วม ๆ 20 กว่าหลังคาเรือนแล้ว กว่าแหลมจะสามารถทำได้อย่างทุกวันนี้ก็เพราะเขาเรียนรู้มาด้วยชีวิตทั้งสมหวังและผิดหวัง แต่สุดท้ายแล้ว.... อะไรเลือกทำให้แหลมเลือกที่จะหยุดอยู่กับอาชีพนี้ เลือกวิถีชีวิตแบบนี้.... เลือกที่จะเป็นชาวนา แหลมให้นิยามของการเป็นชาวนาแบบพวกเขาว่า อรหันต์ชาวนา คือ ชาวนาที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่นแล้ว ไม่โง่แล้ว เป็นผู้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของระบบนายทุน หลุดพ้นจากวังวนแห่งการใช้สารเคมี และการหลุดพ้นจากความจนจะเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาเอง ติดตามชีวิตของชาวนาอย่างแหลม ผู้ลุกขึ้นมาปลดแอกวิถีชีวิตชาวนาในปัจจุบัน ออกมาสู่ความเป็นอรหันต์อย่างหาญกล้าและประกาศเลิกทาสให้กับชาวนาอย่างอหังการคนนี้ได้ในรายการ คนค้นฅน คืนวันอังคารที่ 20 มิถุนายน , 4 กรกฎาคม 2549 เวลา 22.00 น. ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ตอนที่ 5 ตึ ชาลี ยายกระดูกเหล็ก ตอนที่ 6 ค้นแดนต้องห้าม เปิดประตูขุมทองคำจากน้ำลายนก คนค้นคน ค่ำคืนวันอังคารนี้ จะพาคุณไปค้นดินแดนต้องห้าม เป็นครั้งแรกที่เจ้าของผู้ได้รับสัมปทานเกาะรังนก ได้เปิดดินแดนที่เป็นความมืดดำสำหรับผู้คนภายนอก ให้ได้เข้าไปเยือน คนค้นคนจะพาคุณไปสัมผัส ความเป็นอยู่ของคนงาน ไปเห็น กระบวนการ การเก็บรังนก ที่ผู้คนขนานนามว่า เป็นทองคำสีขาว มูลค่ามหาศาล มาให้ชมกัน ลังกาจิว เป็นหนึ่งในเกาะอันสวยงามของหมู่เกาะแห่งท้องทะเลชุมพร และเป็นหนึ่งในหลายเกาะที่มีขุมทรัพย์มูลค่ามหาศาลจากน้ำลายนกซุกซ่อนอยู่ หาดทรายลังกาจิวยังขาวสะอาด น้ำทะเลยังเป็นสีครามใสแจ๋วและใต้ทะเลรอบเกาะยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปะการัง ดอกไม้ทะเล และมั่งคั่งด้วยฝูงปลา เพราะการปิดตัวเองจากโลกภายนอกมายาวนาน โดยเพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้เมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามผู้คนทั่วไปก็สามารถแวะเที่ยวชมได้ เฉพาะชายหาดด้านนอกเท่านั้น และต้องกลับออกไปก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน แต่.. คนค้นคนจะพาผู้ชมไปชมภาพการเก็บรังนกที่ทั้งน่าตื่นตาตื่นใจ และน่าหดหู่เศร้าหมองในเวลาเดียวกัน เราจะได้เห็นภาพพิธีกรรมการบวงสรวงพ่อนายแม่นายประจำเกาะ ก่อนฤดูกาลเก็บรังนกจะเริ่มต้นขึ้น ภาพคนงานเก็บรังนกที่เรียกกันว่า ชาวหอ ปีนพะอง (ไม้ไผ่บันไดลิง)ขึ้นไปแทงรังนกบนเพดานถ้ำ การเสี่ยงชีวิตโรยตัวลงมาจากช่องผาขาด เพื่อเก็บทองคำสีขาวที่มีมูล่ามหาศาล ซึ่งเป็นภาพชีวิตที่คนภายนอกน้อยนักจะได้เห็น บนเกาะอันสวยงามที่มีขุมทรัพย์ราคามหาศาลซ่อนอยู่นั้น ยังมีชีวิตอยู่จำนวนหนึ่งที่ต้องติดอยู่บนเกาะ เพื่อทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าขุมทรัพย์ ต้อง ไกลฝั่ง ห่างลูกเมียนานนับร้อยวัน เพราะเข้าไปเกี่ยวพันอยู่กับการค้าน้ำลายนก ที่กลายเป็นธุรกิจพันล้าน เพราะความเชื่อว่ารังนกนางแอ่นคืออาหารวิเศษ เป็นยาอายุวัฒนะ โดยเฉพาะชาวจีนที่เชื่อว่า รังนกมีสรรพคุณทางยา จนต้องเดินทางไปยังประเทศต่าง ๆ รอบทะเลจีนใต้ เพื่อนำสินค้าเครื่องถ้วยชามไปแลกกับรังนกมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม้นักโภชนาการสมัยใหม่จะออกมาโต้แย้งว่า รังนกไม่ได้มีสรรพคุณเลอเลิศทางยาอย่างที่เชื่อๆกัน แต่น้ำลายนกก็ยังเป็นอาหารชั้นสูงที่มนุษย์แสวงหากินเพื่อบำรุงร่างกาย จนราคาถีบตัวขึ้นไปสูงลิบลิ่วในปัจจุบัน มนุษย์มักจะสรรหากินเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตยืนยาว อะไรก็ตามที่ได้ชื่อว่าเป็นยาวิเศษ บำรุงกำลัง ทำให้ชีวิตยืนยาว มนุษย์ก็จะพยายามสรรหามากิน ไม่ว่าจะได้มาอย่างลำบากแสนเข็ญและราคาแพงสักปานใดก็ตาม แต่สิ่งที่มนุษย์มักจะลืมเลือน ก็คือการนึกถึงคุณค่า และความหมายในการดำรงอยู่ของชีวิต ติดตามชีวิตของผู้คนที่ต้องเกี่ยวพันอยู่กับนก และธุรกิจจากน้ำลายนกที่มีมูลค่าเหมือนทองคำ ได้ ในคนค้นคน อังคารที่ 8 มิถุนายน นี้ สี่ทุ่ม ตอนที่ 7 มิตรภาพต่างสายพันธุ์ ตอนที่ 8 ตาสงัด คนปลูกต้นไม้แห่งพรหมพิรามตอน 1 และ 2 หากเปรียบงานปลูกต้นไม้ซึ่งเป็น งานเล็กๆ ที่ดูธรรมดาสามัญเสียจนไม่มีใครใส่ใจ ทั้งๆที่งานปลูกต้นไม้ถือได้ว่าเป็น งานจริง ที่ยิ่งใหญ่ ที่ขัดกับร่างเล็กๆของแก ชายชราวัย 85 ปีผู้นี้ได้อุทิศเวลาหนึ่งในสี่ของชีวิตให้กับการนำต้นกล้าต้นเล็กๆเพาะฝังลงสู่พื้นดิน ทุ่มเทแรงใจและแรงกายในการปลูกป่าและเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตและลมหายใจ ตาสงัด ก็คือชาวนาธรรมดาๆเช่นเดียวคนปลูกข้าวนับล้านคนในประเทศนี้ ที่ทำงานหนักมาตลอดทั้งชีวิต จนกระทั่งลูกๆของ ตาสงัด โตพอที่ตาจะสามารถวางมือละทิ้งจากการทำนาที่เป็นอาชีพหลักได้ตอนที่อายุก็ปาเข้าไปในวัยเกษียณแล้ว ซึ่งในวัยนี้คนชราหลายๆคนอาจจะกำลังปลดระวางและหยุดพักกับการงานที่ทำอยู่ แต่สำหรับ ตาสงัด มันคือการเริ่มต้นทำงานอย่างเป็นจริง เมื่อ ตาสงัด หันหลัง ให้กับผืนนา แต่กลับ หันหน้า เข้าสู่ผืนป่า เริ่มต้นการปลูกต้นไม้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อประมาณปี 2524 ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา สิ่งแรกที่ ตาสงัด เริ่มต้นทำหลังจากลืมตาตื่นขึ้นจากที่นอนแล้ว นั่นก็คือการปลูกต้นไม้ อันเป็นกิจวัตรประจำวันของแก และจะหลับตาลงอีกทีก็ต่อเมื่อต้นไม้ที่แกดูแลรดน้ำพรวนดินได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีแล้ว ตาสงัด เริ่มต้นปลูกต้นไม้บนผืนแผ่นดินที่สาธารณะของวัดท่าไชย ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆบ้านแกเป็นที่แรก บนเนื้อที่กว่า 45 ไร่ ต้นไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น ประเภทไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้ตะเคียน ไม้ยาง และอีกหลากหลายชนิด ไม่เพียงแต่ที่วัดท่าไชยเท่านั้นแกยังตะเวนหาบข้าวของอุปกรณ์ต่างๆไปปลูกต้นไม้ที่วัดต่างๆอีกหลายต่อหลายวัด โดยไม่ได้สนใจถึงจำนวนต้นไม้ แกสนใจแต่ว่าต้นไม้ที่แกปลูกมันเจริญเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาต่อชีวิตให้กับสัตว์น้อยใหญ่ได้มาอาศัยมากน้อยแค่ไหน จากต้นกล้าต้นเล็กๆ ที่มีความสูงเพียงแค่ศอก วันนี้มันได้กลายเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่ท่วมหัว ถึงจะแหงนคอตั้งบ่ายังไง ก็ยังมองไม่เห็นถึงยอดไม้ ตาสงัดเปรียบการปลูกต้นไม้เป็นเสมือนการทำบุญอย่างหนึ่ง ที่ไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย และไม่แม้แต่จะหวังเก็บดอกผลแม้สักลูกจากไม้ที่ แกปลูก ต้นไม้ของ ตาสงัด ไม่เพียงแต่ให้ชีวิตเท่านั้น แต่ยังให้บทเรียนสำหรับการสร้างคุณค่าของชีวิตเพื่อผืนดินแม้ว่าตัวเองจะลาจากผืนดินแห่งนี้ไปแล้วก็ตาม ด้วยวัยและสังขารอันล่วงเลยของชายชราที่ปลูกต้นไม้ อาจไม่ยืนยาวที่จะได้เห็นและได้แสวงหาประโยชน์จากต้นกล้าเติบใหญ่ ถ้าต้นไม้ที่ ตาสงัด ปลูกคือตัวแทนของการทำความดีที่ต้องการทดแทนคุณแผ่น ดิน ทำไมชายชราวัย 85 ปีผู้นี้เลือกทำความดีที่เห็นผลช้า คนทำความดีอาจไม่ได้รับผลดีตอบแทน แต่ถ้ามันคือความฝัน ชายชราผู้นี้ยังมีความฝันอะไรบ้าง บทเรียนการปลูกต้นไม้ ในห้องเรียนธรรมชาติของ ตาสงัด อาจให้มากกว่าวิชานิเวศน์วิทยาที่สอนอะไรให้กับเราได้บ้างติดตาม คนค้นคน กับเรื่องราวของ ตาสงัด คนปลูกต้นไม้แห่งพรหมพิราม ได้ในวันอังคารที่ 6 และ 13 กันยายนนี้ 4 ทุ่ม ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |