เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 25 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
Q.E.D. (Quod Erat Demonstrandum) อย่างนี้ต้องพิสูจน์ Nakamura Aoi , Takahashi Ai , Ishiguro Ken NHK TV.True Visions 2DVD[4 discs] Ep.01-10end Thai Audio no Subtitle[DVD From TV]-[พากย์ไทย]
Q.E.D. (Quod Erat Demonstrandum) อย่างนี้ต้องพิสูจน์!!Format: RenzokuGenre: Detective , mysteryEpisodes: 10Broadcast network: NHK 2009-Jan-08 to 2009-Mar-12Air time: Thursday 20:00Original writing (manga): Q.E.D. by Kato MotohiroScreenwriters: Fujimoto Yuki (ep1-2 , 9-10) , Aihara Kasane (ep5-8)Directors: Iseda Masaya , Enokido Takayasu Theme song: Konomama , Zutto - Aoyama ThelmaMusic: Kaida ShogoนักแสดงNakamura Aoi as Toma SoTakahashi Ai as Mizuhara KanaIshiguro Ken as Detective KotaroNakayama Takuya - Nishimaru HirokiTomioka Koichiro - Sasazuka MakotoChikage - Umemiya ErikoNakamura Shizuka - Kosaka Madoka เรื่องย่อเรื่องราวของนักสืบที่ เกี่ยวกับนักเรียนไฮสคูลสองคน มิสึฮาระ คานะเป็นสาวที่อยากรู้อยากเห็น และเพื่อนร่วมห้องของเธอที่ชื่อโทมะ โสะที่จบมาจากที่อเมริกาเพียงอายุสิบห้าปี พวกเขาทั้งสองพยายามที่จะแก้ปัญหาเรื่องลึกลับเพื่อที่จะช่วยพ่อของคาระใน การสืบสวนถ้าใครชอบอ่านการ์ตูนแนวสืบสวน จะพบว่าเนื้อเรื่องมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่มักจะต้องมี ตำรวจมาเป็นตัวช่วยในการเดินเรื่องและหาหลักฐานเป็นส่วนใหญ่ ลองมาเจอการ์ตูนสืบสวนสอบสวนแนวใหม่กันไหม??? Q.E.D. เป็นการ์ตูนแนวสอบสวนที่อยากจะบอกว่าที่มีเนื้อเรื่องค่อนข้างแหวกแนวของ การ์ตูนนักสืบทั้งหมดเลยการสืบสวนในเรื่องไม่ได้บ่งบอกว่าจำกัดเฉพาะเพียงคดีที่มีการฆ่าคนตาย เท่านั้น ต่างจากการ์ตูนนักสืบเล่มอื่นอย่างลิบลับ บางคดีเป็นคดีที่ไม่มีคนตายเลยซักคนเดียว (แต่กลายเป็นคดีใหญ่โตเปรี้ยงปร้างข้ามประเทศเชียวล่ะ) บางคดีนอกจากคนตายจะไม่มีแล้ว คนร้ายก็หาไม่ได้ (เพราะคนร้ายไม่ใช่คน และบางครั้งตัวการก็แตะต้องไม่ได้ด้วย - -") หรือบางทีจนจบคดีหน้าตาคนร้ายยังไม่ได้เห็นเลยก็มีQ.E.D. ย่อมาจากคำว่า "Quod Erat Demonstrandum" หรือที่แปลว่า "ซึ่งต้องพิสูจน์" ที่เราเคยเรียนกันในวิชาเลขสมัยม.ต้นนั่นล่ะค่ะ ลักษณะเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้คือ "ต้องพิสูจน์ได้" การไขทริกต่างๆมักจะเริ่มต้นด้วยการตั้งข้อสังเกตุ หาเหตุผลและทฤษฎีต่างๆมารองรับต้องข้อสังเกตุนั้นๆของตัวเอก เพื่อที่จะหาข้อสรุปของเหตุการณ์ต่างที่ๆเกิดขึ้น การไขคดีของ Q.E.D. ค่อนข้างจะแตกต่างกับการ์ตูนนักสืบเรื่องอื่นๆทั้งหมด ที่ส่วนใหญ่แล้วมักจะบอกเพียงว่าการฆาตกรรมนั้นๆเกิดได้อย่างไร แล้วก็ต่อมาด้วยว่าพอไขคดีได้คนร้ายก็ต้องมารับสารภาพว่าทำไมถึงทำ (ด้วยสาเหตุคับแค้นนานับปการ - -") ซึ่งการไขทริกนั้นมักจะออกมาในลักษณะที่ตัวเอกมันรู้อยู่คนเดียว คนอ่านไม่รู้เรื่องเลยหรือรู้แต่หลักฐานไม่ครบ มารู้เอาตอนเฉลยรวดเดียวจบ (ซึ่งบางทริกมีช่องโหว่เพียบสำหรับการ์ตูนบางเรื่อง) แต่สำหรับ Q.E.D. นั้นแตกต่างกัน การไขคดีของตัวเอกจะเป็นการค่อยๆเก็บหลักฐานไปเรื่อยๆ และหลักฐานทั้งหมดคนอ่านก็จะรู้ด้วย ไม่มีการอุบเงียบไว้ แถมบางครั้งยังมีการเขียนแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์ของลำดับเหตุการณ์กันงงอีก ต่างหาก และพระเอกของเรื่องก็จะเริ่มการพิจารณาหลักฐานต่างๆโดยคิดเอาสภาวะการณ์ที่ มีอยู่รวมกับเหตุผลทั้งหมดมาสร้างเป็นทฤษฎีเพื่อใช้ในการพิสูจน์จริง เช่นการเอาหลักฐานทั้งหมดมาวิเคราะห์ตามแบบของทฤษฎีความน่าจะเป็นตามหลัก คณิตศาสตร์ และประมวลผลข้อมูลโดยอาศัยทั้งเงื่อนไขและสภาวะการณ์นั้นๆเพื่อตัดความเป็น ไปได้ออกและหาข้อสรุป และในบางครั้งแรงจูงใจรวมถึงเหตุผลของการกระทำของตัวร้ายในเรื่องจะถูก ประมวลออกมาตามหลักการวิเคาระห์ด้วย ไม่ใช่การเฉลยของตัวฆาตกรในตอนสุดท้ายว่าทำไมต้องฆ่าอะไรแบบนั้น ดังนั้นถ้าคนอ่านอยากจะแก้คดีให้ได้ก่อนพระเอกก็สามารถปิดหนังสือไว้ก่อน แล้วค่อยมานั่งคิดก็ได้เพราะมีข้อมูลครบหมดแล้ว ช็อตเด็ดของเรื่อง Q.E.D. จะอยู่ที่คำว่า "Q.E.D." พระเอกจะเขียนก่อนที่จะเฉลยถึงวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนค่ะ (เหมือนกับที่โคนันมันต้องพูดทุกทีว่า "รู้แล้ว... คนร้ายก็คือ..." กับคินดะอิจิที่ต้องบอกว่า "ขอเอาชื่อปู่เป็นเดิมพัน" ที่คนแนะนำอย่างบอกว่า ปู่เจ้าดะคงร้องไห้ไปหลายตลบอยู่ในหลุมแล้วที่หลานเอามาขายได้ทุกวี่วัน) และจะจบการอธิบายด้วยคำพูดว่า "ซึ่งต้องพิสูจน์" (มันก็แปลว่า Q.E.D. นั่นแหละ) ถ้าอยากลองแก้คดีให้ได้ก่อนพระเอกคุง พอเปิดเจอคำนี้แล้วปิดหนังสือไปคิดก่อนได้ค่ะ เพราะแปลว่าหลักฐานที่มีมันครบหมดแล้วเหลือแค่พยายามคิดให้ได้อย่างที่ พระเอกคิดเท่านั้นแหละค่ะ (ที่ตรงนี้แหละมันยากล่ะ)เท่าที่อ่านการ์ตูนนักสืบมาหลายเรื่อง ไม่เคยเห็นการ์ตูนเรื่องไหนที่พอพระเอกเฉลยถึงการไขทริกในคดีนั้นๆ พอย้อนกลับมาดูอีกทีจะบอกว่า "เออจริงวุ้ย พอคิดแบบนี้มันจะตัดตัวเลือกออกได้หมดเลยเหลือแค่อันนี้เอง" เพราะการ์ตูนเรื่องอื่นๆที่เคยอ่าน พอพระเอกไขทริกทีไรบางทีจะคิดว่า "มันจะทำได้เร๊อะ" หรือไม่จะเกิดอาการแย้งเล็กๆในใจว่า "ไม่จริ๊งง มันอาจจะเป็น...อย่างนั้น... อย่างงี้... แทนก็ได้ ความเป็นไปได้มันมีอยู่นะ อย่าลืมไปเซ่" เสน่ห์ของ Q.E.D. ไม่ได้อยู่ที่ว่าทริกที่ใช้นั้นซับซ้อนและยุ่งยากแค่ไหน แต่อยู่ที่การเอาทฤษฎีต่างๆที่มีอยู่จริงมาประยุกต์ใช้ได้มากแค่ไหนต่างหาก (บางทฤษฎีเจอแค่ในบทเรียนคณิตศาสตร์ บางทฤษฎี..คนแนะนำยังไม่รู้จักเลยซะด้วยซ้ำไป) ดังนั้นถ้าใครเคยดูหนังแนวประมาณ catch me if you can หรือ the thomas crown affair แล้ว บอกได้เลยว่า บางตอนของการ์ตูนเรื่องนี้จะชิงไหวชิงพริบกันประมาณนั้นเลยล่ะค่ะQ.E.D. เดินเรื่องโดยการใช้ตัวละครหลักๆเพียงสองคนเป็นส่วนใหญ่ (มีบ้างบางครั้งที่โผล่เพิ่มมาช่วยและมาวุ่นนะคะ - -") คือตัวพระเอก โทมะ โช เด็กนักเรียนม.ปลาย ยอดอัจฉริยะที่จบจาก MIT ด้วยอายุเพียง 15 ปี เจ้าของลิขสิทธ์มากมายหลายอย่าง แต่ดันมาเรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่นใหม่เพราะอยากสัมผัสชีวิตเด็กนักเรียนม.ปลาย บ้าง (อย่างที่เค้าว่า...คนบ้ากับอัจฉริยะมันต่างกันแค่เส้นขั้นจริง - -") โทมะมีน้องสาวหนึ่งคนที่แม้จะเรียนไม่เก่งเท่าพี่ชายแต่ก็มีอะไรประหลาดๆ อยู่ในตัวไม่น้อยหน้ากัน เนื่องด้วยคุณเธอถือว่าเป็นนักภาษาศาสตร์ชั้นยอด ด้วยอายุที่อ่อนกว่าโทมะแค่ปีเดียว แต่กลับพูดภาษาต่างๆได้มากเช่นจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย สเปน อิตาลี กรีซ และอื่นๆอีก การพูดนั้นชนิดที่ว่าหันซ้ายพูดเยอรมัน หันขวาพูดอังกฤษ เงยหน้ามาพ่นจีน และกลับหลังหันไปต่อด้วยรัสเซียอย่างสบายมากเลยล่ะค่ะ (เป็นที่น่าอิจฉาของคนอ่านอย่างแรง เมื่อไหร่จะเก่งได้ขนาดนั้นบางฟระ ฮืออ) นอกจากนี้คุณเธอยังมีความสามารถในการเอ๋อได้ทุกที่ ทุกนาที ทุกเวลา เมื่อมีเหตุจูงใจเกี่ยวกับภาษาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นว่าถ้าเกิดไปสะดุดเข้ากับคำๆนึงเธอก็จะจัดการโยนคำนั้นไปในภาษาอื่นๆที่ รู้จักทันทีว่าเรียกว่าอะไร และจะโยงไปเรื่อยๆไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าเจ้าตัวจะนึกได้นั้นแหละนางเอกหรือแม่หนูมิสุฮาระ คานะ สาวน้อยม.ปลายที่ห่างไกลจากคำว่าบอบบางและต้องปกป้อง (คำกล่าวข้างหน้าขอยกให้พระเอกไปหมดเลย) เพราะเธอทั้งอึด ถึก และมีความสามารถในการเป็นมือขวาช่วยงานใช้แรงทั้งหมดแทนพระเอกได้อย่างดี เยี่ยมไร้ข้อผิดพลาด - -" ดังนั้นจึงไม่แปลกสำหรับเรื่องนี้ที่พระเอกผู้อ่อนแอจะโดนนางเอกปกป้องจาก ผองภัยทั้งหลายค่ะ (ฟังแล้วมันเศร้าแฮะ)ตัวละครอีกตัวที่ไม่ค่อยจะโผล่ แต่ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครเกือบๆๆจะหลักของเรื่องคือ โลกิ ค่ะ โลกิเป็นเพื่อนนักเรียนในชั้นคณิตศาสตร์ด้วยกันที่ MIT ของโทมะ ตัวโลกินั้นก็เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะหาใครเทียบเทียมยากพอกันกับโทมะล่ะค่ะ จนถึงขนาดว่าเพื่อนสนิทอีกคนนึงของทั้งคู่กลัวว่ามันจะกลายสภาพเป็นเสือสอง ตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ทว่าทั้งคู่กลับเป็นเพื่อนที่รักกันมาก เพราะไม่มีใครที่จะเข้าใจโลกิมากไปกว่าโทมะ และไม่มีใครเข้าใจโทมะมากไปกว่าโลกิอีกเช่นกันค่ะขอสปอยตอนในเรื่องมาซักตอนนึงนะคะ ตอนนี้ไม่ใช่ตอนที่ชอบมากที่สุด (เพราะตอนที่ชอบมากนั้นหนังสืออยู่ที่บ้าน ไม่ได้เอามาด้วยค่ะ) แต่ก็เป็นหนึ่งในตอนที่ชอบมากๆเหมือนกัน เนื้อเรื่องเริ่มจาการที่อลัน เพื่อนสมัยเรียนของโทมะซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ ใหญ่ยักษ์ของโลกมาทวงสัญญาที่โทมะให้ไว้สมัยก่อนตอนที่ยังล้มลุกคลุกคลาน สร้างโปรแกรมคอมอยู่ แล้วโทมะเข้ามาช่วยจนโปรแกรมสำเร็จเป็นรูปร่างได้ (ตอนนี้ตาโทมะอายุ 16 แล้วคิดดูว่าตอนนั้นเจ้าเด็กนี่จะอายุซักเท่าไหร๊) ว่าเขาจะคิดเรื่องทำงานด้วยกันหลังจากที่บริษัทซอฟแวร์นั้นสำเร็จดีเป็นรูป ร่างแล้ว ตัวโทมะนั้นไม่อยากไปและออกอาการปฏิเสธ (ก็อย่างที่รู้กันอยู่ว่าตานี่แกอุตส่าห์มาเรียนม.ปลายใหม่เพราะอยากได้ บรรยากาศนักเรียนปรกติมั่ง แล้วจู่ๆจะมาถูกช่วงชิงไปแกจะยอมได้ไง๊) ดังนั้นอลันจึงยื่นข้อเสนอว่าจะยอมยกเลิกสัญญานั้นก็ได้ถ้าหากว่าโทมะหลอก เค้าได้ในวันที่ 1 เมษาหรือวันเมษาโกหก ซึ่งเรื่องจะเริ่มโยงไปเกี่ยวกับภาพวาดของเรมแบรนต์จิตรกรชื่อดังชาว ฮอลแลนด์ เพราะว่าอลันปฏิเสธที่จะบริจาคเงินให้กับการกุศลโดยเอาเงินที่จะบริจาคนั้น ไปซื้อภาพวาดที่เป็นของโจรมาแทน (ตอนซื้อไม่รู้นะ) ทางด้านกลุ่มองค์กรการกุศลก็เดือดร้อนมากที่เงินบริจาคจะไม่ได้ พอกันกับที่ทางสมาคมเรมแบรนต์แห่งฮอลแลนด์ อยากที่จะได้ภาพวาดนั้นกลับคืนไป (เพราะถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาติ)อลันได้จัดแสดงภาพบนเรือสำราญขนาดใหญ่ และนั่นทำให้มีชายชราคนนึงมาเจรจาต่อรองขอซื้อภาพนั้นเนื่องจากว่ามันไม่ใช่ ภาพของเรมแบรนต์แต่เป็นภาพของลูกศิษย์ของเรมแบรนต์ต่างหาก โดยชายชราอ้างว่าเค้าเป็นคนที่เก็บสะสมผลงานของลูกศิษย์ของเรมแบรนต์เพราะ มองเห็นถึงไฟของตัวจิตรกรและคุณค่าในภาพมากกว่าราคาของภาพ อลันทำทีเป็นว่าจะขายภาพให้แต่ไม่ขาย เพราะเขาคิดว่าข้อเสนอที่ชายชรายื่นให้นั้นมัน "ดีเกินไป" และ "มันคงเป็นแผนของโทมะ" แต่ที่จริงแล้วชายชรากลับเป็นท่านทูตของฮอลแลนด์ที่อยากจะช่วยสมาคมให้ ภาพกลับสู่มือของฮอลแลนด์ต่างหาก จนตอนเย็นของวันที่ 1 เมษาที่อลันเชิญโทมะขึ้นเรือและออกเรือให้ห่างจากฝั่งถึง 5 กม.รวมทั้งวางยามแน่นหนามากเพื่อไม่ให้ภาพถูกขโมยด้วย แต่โทมะกลับสั่งให้เรือเล็กลำนึงวิ่งไล่เรือสำราญนั้น อลันที่คิดว่าโทมะคงให้คนมาขโมยภาพจึงสั่งให้เรือเดินหน้าเต็มตัว ด้วยประสิทธิภาพที่ต่างกันทำให้เรือลำใหญ่ทิ้งห่างเรือเล็กอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่โทมะลุกขึ้นมาบอกว่า "ให้รีบจัดการเรื่องภาพดีกว่า เพราะไม่งั้นแล้วชาวฮอลแลนด์นี้มีสิทธิ์ยึดไปนะ"สิ่งที่โทมะเอามาบลัฟกับอลันคือเขตน่านน้ำทะเลหลวงและกฎหมายภายในเรือค่ะ เนื่องจากว่าภาพที่เอามาแสดงนั้นเป็นของโจร และที่สามารถจัดแสดงได้นั้นเพราะอยู่ในญี่ปุ่น แต่ถ้าเกิดเรือเข้าสู่น่านน้ำทะเลหลวงแล้ว (เกิน 12 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง) กฎหมายในเรือจะถือตามกฎหมายประเทศสัญชาติของเรือทันที โดยที่เรือลำนี้มีชื่อเป็นภาษาดัชต์ที่แปลว่ารองเท้าไม้นั่นแปลว่าเรือลำนี้ มีสัญชาติฮอลแลนด์ และด้วยความที่เรือกำลังแล่นด้วยความเร็วสูง ดังนั้นถึงแม้ว่าอลันจะสั่งให้หยุดเดินเรือ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เรือจะหยุดก่อนที่จะเข้าเขตทะเลหลวง อลันที่กำลังโกรธหันไปบอกโทมะว่าเรือลำนี้เป็นธงของปานามา ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เรือจะเป็นสัญชาติฮอลแลนด์ ทว่าโทมะกลับบอกว่า "ธงนั้นเป็นสำหรับสัญชาติการจดทะเบียน เจ้าของเรือมักจะจดทะเบียนเรือไว้กับประเทศที่ไม่เก็บภาษีเพื่อลดภาระภาษี เรือซึ่งเรียกว่าเป็นบ่งชี้สัญชาติเรือตามการจดทะเบียน แต่เจ้าของเรือนั้นสามารถที่จะกำหนดสัญชาติของเรือได้ เพื่อผลประโยชน์ในกรณีของการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นถ้าเจ้าของเรือบอกว่าเรือเป็นสัญชาติฮอลแลนด์ ภาพก็ถูกยึดได้" แต่อลันกลับแย้งว่าถ้าอย่างนั้นเวลาก็จะไม่ตรงกันเพราะประเทศทางยุโรปเวลาจะ ช้ากว่าเอเชียอยู่หนึ่งวัน ซึ่งโทมะแก้ว่า "ไม่ใช่ เมื่ออยู่ในเรือจะไม่ใช้เวลาตามประเทศ แต่จะใช้เวลามาตรฐานโลกซึ่งถือว่าตอนนี้เป็นวันที่ 1 เมษายนแล้ว ซึ่งต้องพิสูจน์ครับ"โดยสรุปของคือโทมะไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากให้คนเปิดไฟขับเรือเล็กแล่นตาม หลังมาอย่างเร็วเท่านั้นเองค่ะ ที่เหลืออีตาอลันแกคิดมากไปเองทั้งหมดเลย ^____^ (คนอ่านสมน้ำหน้ามาก ตาอลันเป็นอะไรที่คาแร็คเตอร์ขี้เก๊ก น่าหมั่นไส้สุดๆ) เนื่องจากว่าเนื้อเรื่องจะมีเกร็ดอะไรบางอย่างแทรกอยู่เป็นระยะ ดังนั้นคุณคนเขียน หรือคนแปล จะแทรกเกร็ดเหล่านั้นไว้ให้คนอ่านเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้นด้วยค่ะ เหมือนอย่างเรื่องภาพของเรมแบรนต์ กฎหมายภายในเรือ หรือวังวนของไคลน์ที่เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันนะคะ อยากจะบอกว่าคนแนะนำได้เกร็ดความรู้เยอะมากจากการ์ตูนเรื่องนี้ ตอนอ่านต้องขอยอมรับว่าคนเขียนแกเก่งมากที่พยายามหาทฤษฎีมาสนับสนุนในการแก้ ทริกในเรื่องค่ะ (อย่างตอนที่เอามาสปอยนี่ ตอนแรกคิดว่ามันคงบลัฟกันจบตั้งแต่เรื่องเขตน่านน้ำแล้ว แต่ยังมีสัญชาติเรือโผล่มาด้วยพอคิดว่าคงจบแค่สัญชาตินี่แหละ ยังอุตส่าห์มีก๊อกสามเรื่องของเวลาเข้ามาอีก เรียกว่าตอนอ่านเหวอไปหลายรอบเลยล่ะค่ะ)ตอนนี้ Q.E.D. ออกมาทั้งหมด 13 เล่มของสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจคอมมิค (ที่ทำให้เราแทบคลั่งตาย กว่าจะรอมันออกมาได้แต่ละเล่ม) โดยที่แต่ละเล่มจะมีอยู่เล่มละสองตอนและทุกคดีจะจบในตอนโดยไม่ยืดเยื้อต่อไป เล่มอื่นค่ะ ใครอยากลองอ่านการ์ตูนแนวสืบสวนที่ไม่ซ้ำแบบใคร ลองไปหามาอ่านดูนะคะQ.E.D. อย่างนี้ต้องพิสูจน์ "พวกเราจะเป็นศัตรูกับความหลอกลวง และเสนอข้อวินิจฉัยว่าควรทำอย่างไร และจะเริ่มด้วยการขอพิสูจน์ตามสภาพนั้นๆ"
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านorange-shop2
orange-shop2
ขายแผ่น
เบอร์โทร : 0628022626
อีเมล : orangeshop2@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม