เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 25 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
Homeland Complete Season1











เรื่องย่อ Homeland
(1)

นับตั้งแต่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์อันเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจด้านทุนนิยม
ถูกถล่มพังทลายโดยขบวนการก่อการร้ายเมื่อปี ค.ศ.2001 คำว่า “ผู้ก่อการร้าย”
ก็เหมือนกับปีศาจที่ถูกปลุกเรียกขึ้นมาหลอกหลอนผู้คน
กลายเป็นฝันร้ายไม่เฉพาะแค่กับประชากรในอเมริกา แต่ยังรวมไปถึงทั่วโลก
ตามมาด้วยสงครามซึ่งนำโดยสหรัฐฯ
พากองทัพเข้าประหัตประหารกับบรรดาผู้ก่อการร้าย

ในฟากฝั่งของความบันเทิงอย่างภาพยนตร์ก็ไม่น้อยหน้า
บรรดาผู้ผลิตต่างพากันสร้างผลงานซึ่งถ่ายทอดเนื้อหาอันว่าด้วยการก่อการร้าย
กันอย่างคึกคัก ด้วยมุมมองที่แตกต่างหลากหลาย ซึ่งมีแม้กระทั่งหนังอย่าง
United 93 ที่จำลองภาพเหตุการณ์ก่อนเครื่องบินพุ่งชนตึกมาให้ดู
น่าหดหู่สะเทือนใจ อย่างไรก็ดี มุมมองที่ผมคิดว่าน่าสนใจมากอย่างหนึ่งก็คือ
การนำเสนอทัศนะอีกด้านซึ่งเป็นการตั้งคำถามว่า ที่สุดแล้ว
บรรดาการก่อการร้ายนั้น มีสาเหตุต้นตอมาจากจุดไหนอย่างไร

สารคดีชิ้นหนึ่งของไมเคิล มัวร์ เรื่อง Fahrenheit 9/11
ก่อให้เกิดคำถามในใจว่า เอาเข้าจริง
ผู้นำของอเมริกาก็มีส่วนเกี่ยวพันกับขบวนการก่อการร้าย ใช่หรือไม่?
หรือหนังเรื่อง Body of Lies ของโทนี่ สก็อตต์ ที่ถ่ายทอดประเด็นคล้ายๆ
กันนี้
เพียงแต่พุ่งประเด็นไปยังเจ้าหน้าที่ซีไอเอบางคนซึ่งขายตัวให้กับขบวนการก่อ
การร้ายไปเสียเอง นั่นยังไม่ต้องเอ่ยถึงหนังตลาดๆ อย่าง Avatar
ที่ถ้าจะวิเคราะห์กันจริงๆ
ก็สามารถพาดพิงเชื่อมโยงกับโลกทุนนิยมซึ่งเป็นที่มาอย่างหนึ่งของการก่อการ
ร้ายได้เช่นกัน

ว่ากันอย่างถึงที่สุด
หากต้องเอ่ยถึงผลงานที่สะท้อนถึงเรื่องราวก่อการร้าย
คงใช้พื้นที่อีกหลายบรรทัด แต่ถ้าจะกล่าวอย่างรวบรัด
ผมคิดว่าบรรดาหนังทั้งหลายเหล่านั้น
ต่างเพียรพยายามที่จะตั้งคำถามถึงความถูกต้องชอบธรรมในสงครามก่อการร้าย
โดยความคิดหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นตามมาในใจของคนดูผู้ชมก็คือ
มันเหมือนไม่มีผู้ใดที่ขาวสะอาดหมดจด ไม่มีใครเป็นเทพ ไม่มีใครเป็นมาร
อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าฝ่ายที่ก่อหรือต่อต้านการก่อการร้าย
เราต่างต้องร่วมกันแบกรับและชดใช้ในบาปเวรที่เกิดขึ้นแก่โลกใบนี้
ไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน

และไม่แน่นะครับว่า หลังจากรับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรต่างๆ แล้ว

เราอาจจะเกิดความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่ตัวละครในซีรีย์เรื่องนี้กำลัง
รู้สึกอยู่ก็เป็นได้

(2)
โดยพื้นฐานเรื่องราว Homeland
เป็นซีรีย์ที่ดัดแปลงมาจากหนังทีวีของอิสราเอลเรื่อง Hatufim
ความดีงามของมันได้รับการยืนยันโดยรางวัลลูกโลกทองคำ 2 รางวัล
ทั้งการเป็นผู้ชนะในสาขาซีรีย์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม (ชนะทั้ง The Walking
Dead และ Game of Throne ที่แข็งแรงกว่าในแง่ความดัง)
และสาขานักแสดงนำหญิงของซีรีย์ทางโทรทัศน์ยอดเยี่ยม

สิ่งที่น่าสนใจอันดับแรกสุด ถ้าไม่นับรวมคำโปรยอย่าง The Nation
sees a hero. She sees a threat.
ซึ่งสร้างความรู้สึกเชิงขัดแย้งได้อย่างน่าสนใจใคร่รู้
ภาพผู้ชายบนโปสเตอร์ซึ่งใบหน้าซีกขวาถูกแต่งให้ดูฟุ้งๆ
ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความคลุมเครือ น่าพิสูจน์ให้รู้ชัด
การวางอักษรตัว E ให้หันกลับด้าน ก็ดูจะบอกถึงอะไรบางสิ่ง
ขณะที่ภาพของหญิงสาวซึ่งซ้อนทับขึ้นมาในฉากหลัง สายตาคมกล้าของเธอ
ก็เพ่งมองราวกับว่ากำลังจ้องจับผิดอะไรบางอย่าง
ทั้งหมดนี้ผมคิดว่าเป็นการออกแบบโปสเตอร์ให้สื่อสะท้อนถึงประเด็นของเรื่อง
ราวได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

แน่นอนครับ เมื่อเปิดหนังทีวีเรื่องนี้ขึ้นมาดู คุณก็จะพบว่า
สิ่งที่หญิงสาวคนนั้นพยายามเกาะติดไม่วางตา ก็ไม่ใช่อะไรอื่น
หากแต่เป็นจ่าสิบเอกนิโคลัส โบรดี้
ทหารอเมริกันที่ถูกจับและกักขังเป็นเชลยศึกอยู่ในดินแดนอัฟกานิสถานยาวนาน
ถึง 8 ปี และกลับบ้านมาในสถานะวีรบุรุษของประชาชนทั้งชาติ
แต่สำหรับหญิงสาวอย่าง “แคร์รี่” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ซีไอเอแล้ว นิโคลัส
โบรดี้ เหมือนจะมีความซับซ้อนน่าสงสัย เพราะหลายเดือนก่อนหน้านี้
เธอได้ข้อมูลมาว่า POW (Prisoner of War)
หรือเชลยศึกอเมริกันคนหนึ่งได้ย้ายข้างไปอยู่ฝั่งผู้ก่อการร้าย
และเธอคิดว่าโบรดี้นี่แหละ คือเชลยศึกคนนั้น

โดยพื้นฐานงานสร้าง แม้หนังทีวีเรื่องนี้จะมีชื่อโฮเวิร์ด กอร์ดอน
และอเล็กซ์ กันซ่า สองในทีมผู้ผลิตซีรีย์แอ็กชั่นมันสุดใจอย่าง 24 แต่
Homeland ก็ดูจะแตกต่างออกไป
เพราะจุดขายของซีรีย์อยู่ที่เรื่องราวอันซับซ้อนซ่อนปม
กระบวนการคลี่คลายปริศนา ซึ่ง

(3)
จุดใหญ่ใจกลางของหนังซีรีย์ชุดนี้ อยู่ที่จ่าสิบเอกโบรดี้
ฮีโร่ของคนทั้งชาติ ซีรีย์สามารถนำเสนอตัวละครตัวนี้ออกมาได้ลุ่มลึก
เขาคือทหารผ่านศึกที่กลับมายัง Homeland หรือแผ่นดินแห่งมาตุภูมิ
พร้อมกับบาดแผลจากดินแดนสงครามที่คนอื่นยากจะเข้าถึงและเข้าใจ


บุคลิกและท่าทางของโบรดี้ที่นิ่งเงียบเรียบเฉยหรือกระทั่งสั่นประหม่าใน
หลายๆ ฉาก
บ่งบอกอย่างเด่นชัดถึงความไม่ชอบมาพากลในตัวละครตัวนี้ซึ่งยากจะตัดสินได้
อย่างน้อยที่สุด เราก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกับที่แคร์รี่เชื่อ
ว่าเขาจะกลายเป็นสายลับของผู้ก่อการร้ายจริง ในทางตรงกันข้าม
เขาดูเศร้าหมองหดหู่เหมือนผู้ป่วยทางจิต ต่อกับโลกไม่ค่อยจะติด
แม้กระทั่งลูกเมีย ก็เหมือนจะมี “เส้นแบ่งที่มองไม่เห็น”
ขวางกั้นระหว่างกันอยู่เสมอ

Homeland ที่เราเห็น จึงคล้ายกับดินแดนที่กำลัง “กลายเป็นอื่น”
มันไม่เหมือนผืนดินผืนเดิมที่รู้จักอีกต่อไป
เพราะนอกเหนือไปจากภัยก่อการร้าย เราจะพบว่า รายละเอียดต่างๆ
ที่พ่วงมากับตัวละครแต่ละตัว ก็ชวนให้น่าหวั่นวิตกได้ไม่น้อยไปกว่ากัน

“แคร์รี่” เจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ดูเหมือนจะไม่คำนึงถึงจริยธรรมใดๆ
อีกต่อไป เมื่อ “เป้าหมาย” ยิ่งใหญ่กว่า “วิธีการ”
เธอดึงดันที่จะสอดแนมจ่าสิบเอกโบรดี้อย่างถึงที่สุด
แม้มันจะไม่ถูกต้องทำนองคลองธรรมหรือล่วงล้ำขอบเขตทางกฎหมายอย่างไรก็ตาม
ขณะที่โดยส่วนตัว เธอก็มีจุดบอดรอยรั่วที่เก็บงำไว้ เช่น
การเป็นโรคทางประสาทซึ่งต้องพึ่งพายาบางชนิดที่ถือเป็นความผิดต่อกฎของ
องค์กร

“เจสสิก้า” ภรรยาของโบรดี้
หลังจากสามีหายตัวไปเป็นเวลาหลายปีและเข้าใจว่าคงตายไปแล้วในสนามรบ
เธอก็คบหาสร้างสัมพันธ์กับเพื่อนรักคนหนึ่งของโบรดี้ เมื่อสามีกลับมา
สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจึงเกิดขึ้น
และดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งความรุงรังของชีวิตที่ยากจะหาวิธีเยียวยาแก้ไข

“ดาน่า” ลูกสาวของโบรดี้และเจสสิก้า
ซึ่งกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนผ่าน
ก็แสดงอาการแปลกแยกกับครอบครัว โดยเฉพาะกับแม่นั้น ดูจะไปด้วยกันไม่ได้เลย
ทั้งนี้ เหตุผลอย่างหนึ่งคงเป็นเพราะว่า ที่ผ่านมา
เธอพบเห็นความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับเพื่อนของพ่อขณะที่พ่อไม่อยู่โดยตลอด
เธอเก็บความรู้สึกนั้นไว้จนบ่มเพาะกลับกลายเป็นความไม่พอใจในตัวแม่แล้ว
แสดงออกมาผ่านความก้าวร้าวเอาแต่ใจ
สร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเองจากคนรอบข้าง
และยิ่งผสมโรงกับการได้เห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของพ่อด้วยแล้ว
ก็ยิ่งทำให้สภาวะจิตใจแบบวัยรุ่นที่ไม่ค่อยมั่นคงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
กระเจิดกระเจิงไปไกล

พ้นไปจากตัวละครที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ก็ยังมี “ซอล”
ชายสูงวัยผู้เป็นหัวหน้าของแคร์รี่
ที่นอกจากจะต้องคอยแบกรับความรับผิดชอบต่อความทะเยอทะยานอันดันทุรังของลูก
น้องแล้ว โดยส่วนตัวเขาก็กำลังปวดร้าวอย่างสาหัสกับการพลัดพรากจากคนที่รัก

เมื่อพิจารณาจากบริบทดังกล่าว เราจะพบว่า Homeland แห่งนี้
มันดูไม่มีความน่าอภิรมย์เอาซะเลย
เพราะความรู้สึกกดดันบีบคั้นจากปัญหาที่อัดแน่นอยู่ในดินแดนผืนนี้
แต่ละคนต่างก็มีปัญหาของตัวเอง จะว่าไป มันคงคล้ายๆ
กับผืนแผ่นดินที่แตกร้าว ย่อมปริแยกมาจากข้างในก่อนจะเผยให้เห็นบนหน้าดิน
เค้าลางความล่มสลายของ Homeland แห่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
เพราะถึงแม้ไม่มีภัยจากภายนอก แต่ทุกๆ ปัญหาที่กำลังรุมเร้าอยู่ภายใน
ก็น่าหวั่นใจไม่แพ้กัน

(4)
อย่างไรก็ดี
ในสถานะของการเป็นซีรีย์ที่ตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่าต้องพูดเรื่องก่อการร้าย
ซีรีย์เรื่องนี้ก็นำเสนอได้อย่างน่าคิด แม้พูดกันอย่างถึงที่สุด
ประเด็นที่ถูกเอ่ยถึง อย่าง “การย้ายข้าง” จะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนัก
แต่เหตุการณ์อันถือเป็นจุดพลิกผันทางความคิดของตัวละครอย่างการโจมตีด้วย
ระเบิดซึ่งไม่นำพาต่อชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ 82 คนนั้น
ก็เท่ากับเป็นการโยนคำถามให้คนดูช่วยกันขบคิดว่า ตกลง
ใครกันแน่ที่สมควรถูกเรียกว่าผู้ก่อการร้าย

เอาเข้าจริง ผมคิดว่าตัวละครอย่างแคร์รี่นั้น
ถูกวางไว้ให้มีบทบาทที่แทบไม่แตกต่างไปจากอเมริกาหรือบรรดาประเทศมหาอำนาจ
ทั้งหลายซึ่งพอได้ยินคำว่า “ก่อการร้าย” ก็ใจสั่นเนื้อเต้น
ต้องเร่งรีบบีบเค้นกันให้ตาย แน่นอนว่า ความตั้งใจเบื้องต้นนั้นดีอยู่แล้ว
เพราะการปกปักพิทักษ์ Homeland หรือ “มาตุภูมิ”
คือภารกิจที่ลูกหลานของแผ่นดินพึงกระทำ อย่างไรก็ตาม
ถ้าการให้ความสำคัญกับอุดมการณ์อันสูงส่งแล้วทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายหรือ
ต้องดำรงชีวิตอยู่อย่างหวาดผวา ถือว่าเป็นการก่อการร้าย
การคิดถึงแต่เป้าหมายโดยไม่ใส่ใจในวิธีการว่าจะถูกต้องดีงามหรือไม่นั้น
ก็ไม่น่าจะทำให้ตัวเองถูกเรียกขานว่า “ผู้ก่อการดี” แต่อย่างใด

และก็อย่างที่กล่าวไว้แล้วครับว่า
ถึงแม้ผู้สร้างสองคนจะเคยผลิตผลงานแอ็กชั่นมันๆ มาแล้วอย่าง 24
แต่ซีรีย์ชุดนี้กลับมีฉากแอ็กชั่นน้อยเต็มที กระนั้นก็ดี
ถ้าจะมองหาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองคนนี้
ก็น่าจะได้แก่การพยายามที่จะตีแผ่ให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสที่ซุกซ่อนอยู่ใน
องค์กรสำคัญอันเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เพราะใครก็ตามที่ได้ดูซีรีย์เรื่อง
24 จะพบว่า ตัวร้ายๆ ของเรื่องซึ่งพระเอกนักบู๊อย่างแจ็ค บาวเออร์
ต้องไล่ล่าฉีกหน้ากากถลกความจอมปลอมออกมานั้น
แทบทั้งหมดก็ล้วนเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านเมือง แน่นอนว่า
เมื่อทั้งสองคนมาทำ Homeland ประเด็นเช่นนั้นก็ยังตามมาด้วย

ถ้าเปรียบประเทศเป็นครอบครัว ก็คงเหมือนครอบครัวของโบรดี้
ซึ่งแสดงภาวะระส่ำระสายให้เห็นตั้งแต่ต้นเรื่อง
ปมปัญหาตัวเขื่องที่กำลังกัดกินความมั่นคงภายในครอบครัวของอดีตทหารผ่านศึก
ล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีบทบาทภายในบ้าน
และนั่นก็ไม่น่าจะต่างอะไรกันเลยกับ “แผ่นดินมารดา”
ที่ซีรีย์เรื่องนี้เอ่ยถึง

เพราะถ้า Homeland หรือแผ่นดินแม่ กำลังจะล่มสลาย
มันก็คงไม่ใช่เพราะภัยจากใครอื่น หากแต่เกิดจากคนประเภทเดียวกันกับที่แจ็ค
บาวเออร์ ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าออกล่าตามล้างตามเช็ดอยู่นั่นเอง!!


ซีรี่ย์ Homeland กวาดรางวัล Emmy สาขาซีรี่ย์ดรามา บท และผู้แสดงนำยอดเยี่ยม

สำหรับรางวัลในสาขาใหญ่อย่าง ซีรีส์ดรามายอดเยี่ยม เป็นHomeland
ที่กวาดรางวัลสำคัญไปได้ถึง 4 สาขา รวมถึงซีรีส์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชาย,
นักแสดงนำหญิง และบทยอดเยี่ยม

โดยก่อนหน้านี้ Homeland
ซีรีส์สุดฮิตที่ว่าด้วยเรื่องราวการทำงานของ CIA หลังเหตุการณ์ 9/11
ยังเคยคว้ารางวัลใหญ่จากเวทีลูกโลกทองคำ 2012 มาแล้วด้วย

สำหรับนักแสดงนำทั้งสองคนของ Homeland
ยังสามารถเอาชนะคู่แข่งที่เรียกว่าโหดหินมากด้วยกันทั้งคู่ นางเอกของเรื่อง
แคลร์ เดนซ์ มีคู่ชิงรางวัลที่เป็นนักแสดงยอดฝีมือทั้ง เกลน โคลส และ
จูเลียนนา มาร์กูลีส์ ที่ก่อนหน้านี้ เคยคว้า Emmy มาแล้วถึง 2
ครั้งทั้งจาก E.R. เมื่อปี 1995 และจาก Good Wife เมื่อปีก่อน

ฝ่าย เดเมียน ลิวอิส เจ้าของรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจาก Homeland
ก็แย่งชิงรางวัลมาได้จากตัวเต็งหลายๆ คน อาทิ ไบรอัน เครสตัน เจ้าของบท
“วอลเตอร์ ไวท์” อาจารย์วิชาเคมีโรงเรียนมัธยมปลาย
ที่ผันตัวไปค้ายาเสพติดใน Breaking Bad เจ้าของรางวัล Emmy สาขานักแสดงชาย 3
ปีซ้อน เช่นเดียวกับ จอน แฮม แห่ง Mad Men ที่ต้องรอ Emmy
ตัวแรกต่อไปหลังจากชิงรางวัลมาถึง 5 ครั้งแล้ว และพลาดไปอีกครั้งในปีนี้

รางวัลในสาขาซีรีส์ดรามา

ซีรีส์ยอดเยี่ยม: “Homeland”
เขียนบทยอดเยี่ยม: อเล็ก แกนซา, ฮาเวิร์ด กอร์ดอน และ กีเดียน ราฟฟ์ - “Homeland”
ผู้กำกับยอดเยี่ยม: ทิม แวน เพ็ทเทน - “Boardwalk Empire”
นักแสดงนำหญิง: แคลร์ เดนส์ - “Homeland”
นักแสดงนำชาย: เดเมียน ลิวอิส - “Homeland”
นักแสดงสมทบชาย: แอรอน พอล - “Breaking Bad”
นักแสดงสมทบหญิง: แม็กกี สมิธ - “Downton Abbey”
นักแสดงรับเชิญชาย: เจเรมี เดวีส์ - “Justified”
นักแสดงรับเชิญหญิง: มาร์ธา พลิมป์ตัน - “The Good Wife”








ซีรี่ส์แนว: Action and Adventure Drama
First Aired: October 2, 2011
Air Day: Sunday
Air Time: 10:00 PM
Runtime: 60 minutes
Network: Showtime
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านorange-shop2
orange-shop2
ขายแผ่น
เบอร์โทร : 0628022626
อีเมล : orangeshop2@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม