เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 29 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
สวัสดีครับ ผมชื่อ ปอ อายุ 10 ขวบ มีพี่สาวชื่อ ปา อายุ 12 เราทั้งสองเป็นครอบครัวตัว ป. จริงๆ เพราะพ่อของเราชื่อ ปุณย์ ส่วนแม่ก็ชื่อ ปัท ช่วยขยับเข้ามาชิดๆ เอียงหูเข้ามาใกล้ๆ ซิครับ ผมมีเรื่องจะนินทาพ่อกับแม่ของผมให้ฟัง
แม่ของผมนะครับจัดเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง ไม่ใช่ประเภทช้างเท้าหลังอย่างผู้หญิงไทยโบราณ แม่ผมเป็นนักวิชาการฝีปากกล้า ที่เดี๋ยวไปอภิปรายที่นั่น เดี๋ยวมาบรรยายที่นี่ มีชื่อเสียงไม่หยอกครับ แต่พออยู่ในบ้านแม่จัดเป็นแม่บ้านที่ไม่เอาไหนเลยเพราะขนาดไข่ดาวยังทอดไหม้ สู้พ่อผมก็ไม่ได้ เพราะแม้พ่อจะทำงานอยู่บริษัทฝรั่งเงินเดือนแพง แต่พ่อก็ทำกับข้าวอร่อยกว่าแม่เสียอีก (ผมไม่ได้เข้าข้างพ่อนะครับ) และก็เพราะเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอย่างนี้แหละครับ ที่มักจะเป็นจุดก่อให้เกิดศึกย่อยๆ ขึ้นในครอบครัวของผม จากเรื่องไข่ก็บานปลายเป็นเรื่องสิทธิระหว่างเพศจนอาจเลยเถิดไปถึงเรื่องการเมืองก็ยังได้ พ่อผมนะหรือครับจะสู้ฝีปากแม่ผมได้ อย่างเก่งก็แค่มานินทาให้ผมฟังลับหลังว่าแม่นะพูดจนลิงยังหลับ และก็เช่นทุกครั้งเหมือนกันที่พอมวยคู่ใหญ่เริ่ม ก็มักลามให้เกิดมวยคู่เล็กของผมกับพี่ปาเสมอ ก็แหม...ทีพ่อแม่ยังขัดแย้งกันบ่อยๆ ผมกับพี่ปาก็เลยได้กรรมพันธุ์เรื่องนี้มาเต็มๆ ยังดีที่เราไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน การวิวาทกันจึงเกิดแค่ในบ้านเท่านั้น
แต่ปัญหาของครอบครัวผมไม่ได้มีแค่นี้นะครับ เพราะพ่อผมนะไม่ถูกชะตาอย่างแรงกับ คุณยาย มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็ใครต่อใครว่าพ่อผมนะเป็นคนปากไม่ดีหนึ่งล่ะ ส่วนอีกอย่างก็เพราะคุณยายเคยหมายตา ลุงฉัตร ผู้ที่ปัจจุบันมีฐานะการงานที่ก้าวหน้าจนเกือบจะได้เป็นนายพลอยู่รอมร่อ แต่สุดท้ายก็ต้องมาคลาดแคล้วกันไปเพราะแม่มาลงเอยกับพ่อแทน (ผมว่าที่คุณยายไม่ชอบพ่อ คงเพราะเหตุผลข้อแรกมากกว่า)
นิยายรักของพ่อกับแม่ผมเริ่มต้นอย่างโรแมนติกที่เมืองนอกตอนที่แม่ไปเรียนต่อปริญญาโท ส่วนพ่อแม้จะจบเพียงวิทยาลัยธุรกิจแต่ก็ได้ช่องและจังหวะทำให้ได้ทำงานกับองค์กรฝรั่งตั้งแต่อยู่เมืองนอก และก็คงเพราะบรรยากาศเป็นใจทำให้พ่อแม่ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างสายฟ้าแลบที่นั่น เล่นเอาคุณยายเต้นเป็นเจ้าเข้าเหมือนกัน แต่จะทำอย่างไรได้ก็คนรักกันนี่ ในช่วงนั้นพ่อแม่ยังรักกันจ๋าอย่างที่เรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน และตอนแม่เป็นสาว พ่อก็ว่าแม่น่ารักที่เป็นคนรั้นและขี้งอน แต่ทำไมพอเวลาผ่านไปพ่อถึงเปลี่ยนความคิดก็ไม่รู้
หนำซ้ำญาติผู้ใหญ่ของผมทั้งสองฝ่ายก็ดูจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เพราะคุณยายกับ คุณย่า ผมไม่เหมือนกันเลย เป็นคนแก่คนละประเภทโดยสิ้นเชิง คุณยายผมน่ะแม้จะอายุย่างเข้า 60 แต่ก็ยังดูสาวกว่าอายุ แต่งตัวทันสมัย ชอบตีกอล์ฟแถมเป็นคุณหญิงเสียด้วย ส่วนคุณย่าผมเป็นแค่คหปตานีเจ้าของสวนที่เมืองนนท์ที่เป็นคนแก่ชาวบ้านธรรมดาๆ แม่ผมนะชอบนินทาคุณย่าบ่อยๆ ว่ากะเร่อกะร่า ว่าที่จริงผมรักคุณยายเหมือนกัน แต่ดูเหมือนผมจะเอียงไปทางคุณย่าเสียมากกว่า
ดูจะมีญาติทางฝ่ายแม่คนเดียวเท่านั้นที่ดูจะพูดคุยได้ถูกคอกับพ่อคือ น้าใหม่ น้าใหม่เป็นผู้หญิงครับ สวยเสียด้วยเป็นตั้งดอกเตอร์ ใหม่ทั้งชื่อแล้วก็ความคิดอ่าน แต่งเนื้อแต่งตัวสมัยใหม่เปี๊ยบ แต่บางอย่างไม่ยักเหมือนแม่ของผม คือน้าใหม่ทำกับข้าวเก่งชะมัด และแม้น้าใหม่จะเป็นลูกสาวคนเล็กของคุณยาย แต่ดูคุณยายจะไม่รักใคร่เท่าไหร่ ฤทธิ์ที่ชอบขัดคออยู่เสมอๆ จนคุณยายจัดน้าใหม่เป็นประเภทขวางโลกเช่นเดียวกับพ่อของผม
ส่วนพรรคพวกของพ่ออีกคนก็คือ ลุงป๋อง ลุงป๋องเป็นเพื่อนสนิทของพ่อและยังเป็นเพื่อนที่ดีของผม ถึงจะแก่กว่าผมตั้งสามรอบก็ตาม ลุงป๋องเขาเป็นม่ายเมียตายมาหลายปีแล้ว มีลูกชายคนเดียวเรียนอยู่เมืองนอก โดยมีอดีตแม่ยายคอยดูแลให้ ผมเคยได้ยินลุงป๋องบ่นกับพ่อว่าที่ไม่คิดจะแต่งงานใหม่เพราะยังเข็ดความวุ่นวายจุ้นจ้านของแม่ยายไม่หาย
พักหลังๆ มานี่แม่ผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเท่าไหร่เพราะแม่ต้องออกสมาคมข้างนอกบ่อยๆ รวมถึงต้องไปเล่นกอล์ฟที่นั่นที่นี่ ทำให้ลูกจ้างที่มีอยู่แล้วสองคนคือ ศรี กับ คำใส ไม่พอรับผิดชอบงานในบ้าน เราถึงได้แม่บ้านคนใหม่มา แข เป็นแม่ม่ายสาวใหญ่ หน้าตาสะสวยและทำอาหารอร่อย ตั้งแต่แขมาอยู่ดูพ่อจะอารมณ์ดีขึ้นหน่อยเพราะกาแฟของพ่อคงมีรสชาติอร่อยขึ้นกว่าที่ผ่านมา
ปัญหาครอบครัวของผมเริ่มขึ้นจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่พ่อของผมตกงานล่ะครับ ใช่ครับยุคนี้เรื่องตกงานนั้นง่ายกว่าได้งานซะอีก แล้วผู้ใหญ่อายุ 30 กว่าอย่างพ่อก็คงปรับตัวลำบากที่ถูกลอยแพเสียอย่างนี้ จากเรื่องนี้ล่ะครับทำให้ลุกลามไปยังเรื่องอื่น ก็ในขณะที่เส้นกราฟชีวิตพ่อผมพุ่งลง กราฟของแม่กลับพุ่งสวนทางขึ้นเพราะแว่วๆ ว่าแม่จะได้เป็นรองอธิบดี
ส่วนลุงฉัตรก็กำลังเฟื่องไม่ต่างกันเพราะได้เป็นถึงนายพล และเข้ามามีบทบาททางการเมืองด้วย ยิ่งเมื่อเทียบกับพ่อผมตอนนี้ ลุงฉัตรยิ่งถูกเชิดชูให้เด่นโดยคุณยายอย่างนอกหน้า ซ้ำยังคอยนินทาคุณหญิงภรรยาลุงฉัตรด้วยว่าเชยเสียไม่มี โอ๊ย...สารพัดจะค่อนขอดเขา ฟังๆ ดูภรรยาลุงฉัตรจะสู้แม่ผมไม่ได้สักอย่าง แถมระยะหลังๆ แม่ยังไปออกรอบกับสมาคมกอล์ฟที่มีลุงฉัตรร่วมอยู่ด้วยบ่อยเข้า (ดูเหมือนจะมีคุณยายเป็นใจอยู่ด้วย) และพ่อก็ได้ยินคุณยายสรรเสริญลุงฉัตรมากขึ้นเท่าไหร่ พ่อกับแม่ก็ยิ่งมีเรื่องขัดใจกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ตัวต้นเหตุคงไม่ใช่ลูกกอล์ฟกลมๆ หรอกครับ น่าจะเป็นลุงฉัตรเสียมากกว่า ยิ่งผนวกรวมคุณยายที่ชอบแขวะพ่อเรื่องตกงานจนพ่อมาบ่นกับผมว่าคุณยายกับแม่ทำให้พ่อรู้สึกเหมือนคนไร้ค่า แหม...ถ้าผมโตได้รวดเร็วกว่านี้ ผมจะทำงานหาเลี้ยงพ่อเอง
ถึงพ่อแม่จะปึงปังใส่กันแต่ก็แปลกแฮะ เขาไม่ยักแยกห้องกัน เห็นโกรธกันทะเลาะกัน แต่แล้วพอถึงเวลานอนเขาก็นอนห้องเดียวกัน ผมไม่เข้าใจเลยว่าคนเราที่เคยรักกันมากๆ ถึงขนาดตกลงปลงใจอยู่ด้วยกันในบ้านเดียวกันทำไมถึงได้โกรธกัน มันไม่เหมือนผมกับพี่ปานี่ พี่ปากับผมน่ะโกรธกันทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ผมกับพี่ปาไม่ได้ตกลงกันมา ไม่ได้เต็มใจอยู่ด้วยกันเองในบ้านเดียวกัน มันเกิดตามกันมาเป็นพี่เป็นน้องกันเอง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงได้ แต่อย่างพ่อกับแม่ตกลงกันเองแท้ๆ ทีเดียวว่าจะอยู่ด้วยกัน
และแล้ว ลุงรอง พี่ชายของแม่ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณยายก็ได้เป็นรัฐมนตรี แต่ผมแอบได้ยินพ่อเรียกตำแหน่งของลุงรองว่ารัฐมนตรีหยิบฉวย และก็เพราะตำแหน่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านคุณยายเป็นการใหญ่ ใครต่อใครหมั่นมาเยี่ยมเยียนกันไม่ซ้ำหน้า รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ตำแหน่งรัฐมนตรีของลุงรองพลอยทำให้ ป้าชื่น ภรรยามีหน้ามีตาขึ้นมาทันที พี่จ้อย ของผมเปลี่ยนแปลงไปด้วย พี่จ้อยคือลูกชายคนเดียวของลุงรอง อายุแก่กว่าผมสามปีกว่า เรียนค่อนข้างเก่ง แต่ผมไม่ใคร่ชอบพี่จ้อยเท่าไรนัก เพราะพี่จ้อยเป็นคนเจ้าอารมณ์ยังไงไม่รู้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วก็โม้เก่งชะมัด
ว่าที่จริงลุงรองเขาได้เป็นรัฐมนตรีเรื่องมันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับครอบครัวเรา แต่ก็เกี่ยวกันจนได้นั่นแหละ เพราะคุณยายถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งของวงศ์สกุล แม่เองก็ตื่นเต้นยินดีและพลอยได้รับผลดีไปด้วย ผมค่อนข้างจะรู้สึกของผมเองว่าตั้งแต่ลุงฉัตรมีชื่อเสียงดังขึ้น ลุงรองได้เป็นรัฐมนตรี แม่ของผมก็ชักจะมีชื่อในหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน ในที่สุดแม่ผมก็ได้เป็นรองอธิบดีจริงๆ นะแหละ แหม...หนังสือพิมพ์บางฉบับบางคอลัมน์สวดกันยับไปเลยครับ เขาเรียกแม่ว่ารองอธิบดีสาวสวยที่สุดของยุค มีอยู่คอลัมน์หนึ่งเขียนเป็นนัยๆ ถึงความสัมพันธ์ของแม่และลุงฉัตรสมัยยังหนุ่มสาวมากๆ แต่แหม...ผมก็ไม่อยากให้ใครพูดอะไรๆ ถึงแม่แบบนี้เลย
แล้วก็เกิดเรื่องอีกจนได้ เมื่อวันที่แม่ได้รับตำแหน่งใหม่ พอกลับถึงบ้านพ่อซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่ก็ไม่วายพูดประชดประชัน จนเกิดเรื่องทะเลาะกัน ก็นี่แหละครับวันต้อนรับตำแหน่งของแม่ในครอบครัววันแรก ผลก็คือผมกับพี่ปาต้องนั่งกินข้าวกันสองคน (ตามเคย) ต่างคนต่างเงียบกริบ ไม่เห็นอร่อยสักนิดเดียว ให้ตายซี (อุทานอย่างลุงป๋อง แต่ไม่เหมือนนักหรอกครับ ของลุงป๋องเขาไม่ตายเฉยๆ แต่ตายอย่างมีห่...อยู่ด้วย) แล้วแม่ก็โทรศัพท์ถึงคุณยายเพื่อถ่ายทอดเรื่องที่โต้เถียงกับพ่อไปเมื่อครู่ก่อน เดี๋ยวนี้แม่กับคุณยายดูช่างสนิทสนมกลมเกลียวกันกว่าก่อนๆ ผมจำได้ว่าเมื่อตอนผมยังเล็กๆ ช่วงที่ครอบครัวเรากำลังมีความสุขดีที่สุด (ผมประมาณเอาจากการที่พ่อแม่ไม่เคยโต้เถียงกัน และมีการสัพยอกหยอกล้อเที่ยวเตร่ด้วยกันตามประสาพ่อแม่ลูก) ตอนนั้นน่ะคุณยายไม่ได้เข้ามายุ่งกับครอบครัวของเราเท่าไหร่หรอกครับ
บ้านผมตอนหลังๆ นี่แย่มากครับ แล้วก็ยิ่งแย่ลงทุกวันด้วย บางทีคนอื่นเขาอาจไม่รู้สึกกัน แต่ผมรู้สึกว่าพ่อแม่หมางเมินต่อกัน ทำยังกับว่าต่างคนต่างอยู่ทั้งๆ ที่เขาก็ยังนอนห้องเดียวกันอยู่ แต่พ่อผมนะหลังๆ นี่ไม่ค่อยกลับบ้านหรอกครับ บางทีก็หายไปตั้งวันสองวัน พ่อบอกผมว่าพ่อไปนอนบ้านคุณย่า ผมไม่เคยได้ยินแม่ถามหรือต่อว่าอะไรพ่อเลย เห็นแต่แม่เฉยๆ ไม่รู้ไม่ชี้ แม่ผมเป็นรองอธิบดีฝ่ายอะไรก็ไม่รู้อยู่แค่ครึ่งปีเท่านั้นเองก็ได้เป็นอธิบดี ทีแรกพ่อก็ทำหน้าชื่น อาจจะเป็นเพราะกลัวแม่ว่าอิจฉาแม่ แต่ก็ชื่นอยู่ไม่นานเพราะข่าวคราวเกี่ยวกับแม่และลุงฉัตร เป็นข่าวทำนองซุบซิบในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่าๆ ของแม่และลุงฉัตร ผมว่าพวกเราลูกๆ นี่ ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อเรา บางทีมันก็ขึ้นอยู่กับความรักที่พ่อแม่เขามีต่อกันเหมือนกันนะครับ ผมพูดยังงี้จะแก่แดดไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี
พ่อยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้น กระทั่งวันหนึ่งแม่นัดผมกับพี่ปาเอาไว้หลายวันแล้วว่าจะไปตีกอล์ฟที่ศรีราชา แล้วจะเลยค้างพัทยากันสักหนึ่งคืน...ครับ...ก็คงไปพบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายของแม่นั่นแหละ เห็นจะรวมทั้งลุงฉัตรด้วย เรื่องมันไม่น่าจะเป็นเรื่องขึ้นมาเลย ก็พอพ่อรู้ว่าผมไม่สบายเท่านั้นเอง พ่อก็ถือเอาโอกาสนี้จะให้แม่งดการไปศรีราชา แม่ไม่ยอม พ่อเลยเอะอะใหญ่หาว่าแม่รักสนุก รักที่จะไปเล่นกอล์ฟมากกว่าห่วงลูก แล้วก็เลยลามปามไปถึงเรื่องลุงฉัตร โอ๊ย...ผมกับพี่ปาไม่เคยเห็นพ่อกับแม่โมโหโทโสใส่กันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน พ่อพูดจาหยาบคายหลายคำ ตอนนี้ผมชักเห็นใจแม่ซึ่งเป็นถึงอธิบดี พี่ปาตัวสั่น เขาเป็นโรคกลัวคนทะเลาะกันครับ ยิ่งพ่อกับแม่ด้วยแล้ว พี่ปาเขามักจะหนีเข้าห้องปิดประตูเลย แต่ที่สุดแม่ก็พาพี่ปาออกไป คงไม่ได้คิดอยากจะไปตีกอล์ฟหรอกครับ คงเลี่ยงการปะทะคารมกับพ่อมากกว่า และพี่ปาก็มาเล่าให้ผมฟังทีหลังว่าแม่ไปปรึกษากับคุณยายเรื่องที่พ่อเป็นยังงี้ แต่คุณยายกลับสรุปว่าพ่อนั่นแหละเป็นตัวขัดขวางความเจริญของแม่ แล้วไม่วายตบท้ายถึงความดีของลุงฉัตร เข้าทำนองยุให้รำตำให้รั่วเลยครับ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พ่อกับแม่ผมก็ดูยังกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่จำเป็นต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน แม่ก็ทำอะไรๆ ตามปกติของแม่ เว้นแต่ไม่พูดกับพ่อ ส่วนพ่อก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง พอตกเย็นพ่อก็แต่งตัวออกจากบ้านก่อนกินข้าวเย็น บางคืนก็กลับดึก บางคืนไม่กลับเลย ระหว่างที่เหตุการณ์ในครอบครัวของผมตึงเครียด อีกไม่ถึงเดือนต่อมาแม่ก็เกิดจำเป็นจะต้องไปเมืองนอกครับ เดินทางไปราชการต่างประเทศเป็นเวลายี่สิบวัน แม่ไปแล้วพ่อก็กลับมานอนบ้านตามปกติทุกวัน ไม่ใช่มาบ้างไม่มาบ้างอย่างตอนที่แม่อยู่ ส่วนพี่ปาก็ไปค้างอยู่บ้านคุณยาย เราสองพี่น้องจึงต้องแยกจากกันชั่วคราว
ผมกับพ่อก็เลยต้องอยู่กันเพียงลำพังกันในบ้านของเรา น้าใหม่แวะมาหาหลายครั้งเหมือนกัน บางครั้งก็เลยอยู่กินข้าวเย็นด้วย และบางครั้งอีกเหมือนกันมีลุงป๋องร่วมโต๊ะกับเราอีกคนหนึ่ง ลุงป๋องกับน้าใหม่ดูเขาถูกคอกันดี แต่ก็ถูกแบบขัดๆ กันยังไงก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาชอบเถียงกันแต่เขาก็คุยกันได้ทีละนานๆ ดูเขาจะสนุกที่ได้โต้เถียงกันด้วย ไม่ยักเหมือนพ่อกับแม่ผม พอเถียงกันละก็เป็นได้เรื่อง หรือจะเป็นเพราะเขาไม่ได้แต่งงานกันอย่างพ่อกะแม่ผมก็ไม่รู้ ถ้าคนเราแต่งงานกันแล้วอีกหน่อยเป็นเหมือนอย่างพ่อกะแม่ผมล่ะก็ ผมเองก็ชักจะกลัวการแต่งงานตั้งแต่อายุแค่สิบขวบเสียแล้วล่ะซี
แล้วก็คุณยายอีกแหละครับที่ชอบทำตัวเป็นนินจา คือคอยหาจังหวะที่พ่อไม่อยู่จะได้มาเยี่ยมผม แล้วพูดชอบกลๆ ให้ผมดูแลพ่อให้ดี ให้ระวังแขไว้ด้วย เขาบอกน่าห่วงเพราะน้ำตาลใกล้มด ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันเลย ผู้ใหญ่เนี่ยชอบพูดอะไรอ้อมค้อมจัง
จนกระทั่งคำใสมาเล่าให้ฟังว่า พี่ศรีเขาเล่าให้คุณยายฟังเรื่องที่แขเขามีอะไรๆ กับพ่อผม ตอนคุณยายพูดถึงแข ผมลืมไปเพราะมันไม่สำคัญสำหรับเด็กๆ อย่างผม แต่ตอนนี้สัญชาตญาณบางอย่างบอกผมว่า ท่ามันจะไม่ใช่เรื่องเล็กเสียแล้ว และหากมันเป็นจริงอย่างคำใสเขาเล่า ผมก็ไม่มีปัญญาจะโทษหรอกว่าพ่อหรือแม่ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด มันเหลือสติปัญญาของเด็กวัยเก้าขวบสิบขวบอย่างผมจริงๆ เราเด็กๆ อย่างมากก็ได้แต่เป็นผู้ยอมรับผลแห่งความผิดที่เราไม่อาจตัดสินลงโทษใครได้ก็แค่นั้นเอง ต่อมาผมไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติในบ้านของเรา แขก็ยังเป็นแขคนเดิม ทำงานเรียบร้อย ช่างเอาใจเราทั้งพ่อทั้งลูกอย่างเดิม ไม่เห็นแขทำท่าเป็นแม่เลี้ยงที่ตรงไหน บางทีพ่อคงคิดว่าอะไรต่ออะไรมันคงยังเป็นความลับอยู่ จนกระทั่งถึงกำหนดกลับของแม่ พ่อดูตื่นเต้นยินดีนิดหน่อย ปนกับอาการครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ส่วนผมกับพี่ปานั่นลิงโลดเลยทีเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับดีใจจะได้ของฝากจากแม่น่ะ
พอพ่อกับแม่พบกัน ผมก็ไม่เห็นว่าแม่จะแสดงว่าโกรธอะไรพ่อเลย เพียงแต่ไม่มีเวลาพูดด้วยเพราะใครต่อใครรวมถึงลุงฉัตรก็มารับกันถ้วนหน้า ผมกับพี่ปาก็พลอยได้เจอหน้ากันหลังจากคุยกันไป (ทะเลาะกันบ้าง) ทางโทรศัพท์ แล้วแม่ก็กลับชวนผมให้ไปกินข้าวกับพี่ปาที่บ้านคุณยายโดยที่พ่อไม่ยอมตามไปด้วย แม้แม่จะชวนให้ผมอยู่ด้วยกันที่บ้านคุณยาย แต่ผมอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อมากกว่า
วันแล้ววันเล่าแม่ก็ไม่ยอมกลับบ้านเรา พี่ปาเขาก็เลยอยู่กับแม่ที่บ้านของคุณยาย พ่อเคร่งขรึมและกินเหล้ากลับมาจากข้างนอกทุกครั้งที่ออกไปเวลากลางคืน ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าน่ากลัวพ่อกับแม่โกรธกัน คราวนี้เห็นจะถึงขั้นแตกหักกันเสียก็ไม่รู้ แล้วก็คำใสตัวการอีกนั่นแหละที่แอบเอาจดหมายที่แขเขียนค้างไว้มาให้ผมอ่าน ผมถึงได้รู้ว่าเรื่องยุ่งยากต่างๆ น่าจะจบลง ก็เพราะแขเขาเขียนขอโทษแม่และจะยอมลาออก พอผมไปบอกพ่อ พ่อเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรั้งอะไรแขไว้ อีกไม่กี่วันแขก็ออกไปทำงานบ้านฝรั่ง ถึงผมจะต้องทนกินข้าวแฉะและกับข้าวไม่ได้ความก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่กลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า
แต่จนแล้วจนรอดแม่ก็ไม่เห็นว่าจะกลับมาเสียที ผมได้ทราบจากน้าใหม่ว่า แม่เขาไม่ยอมยกโทษให้ความมักง่ายที่ผู้ชายเห็นเป็นเรื่องธรรมดาหรอก จะมีคนบ้านคุณยายที่ยังใยดีพ่ออยู่ก็คงจะเป็นพี่ปาที่แอบโทรมาให้ผมคอยดูแลพ่อ แหม...พ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้วทำไมต้องให้ผมดูแลด้วยล่ะ เอ...ผมให้สงสัยเป็นกำลัง เขาไม่เข้าใจกัน แต่อยู่ด้วยกันมายังไงตั้งสิบกว่าปี จนวันหนึ่งพ่อบอกผมว่าจะไปอยู่บ้านคุณย่าที่เมืองนนท์ ในขณะที่ผมมีชีวิตที่แสนสนุกสนานเป็นเด็กชาวสวน สำหรับพี่ปาคงถูกคุณยายกับแม่และ พี่แจ๊ด ลูกสาวคนโตของลุงรองช่วยอบรมพี่ปาเสียจนกระทั่งมีรสนิยมวิไล กลายเป็นพวกไฮโซไซตี้ไปแล้ว และแล้วโดยที่ผมไม่คาดฝันน้าใหม่กับพี่ปาก็มาเยี่ยมผมที่บ้านคุณย่า ผมล่ะคิดถึงพี่ปาเสียจริงๆ แต่เรื่องอะไรจะบอกให้เสียเกียรติล่ะ เอ...อย่างพ่อกับแม่ยังงี้ เขาจากกันไปตั้งหลายๆ วัน ถ้าเขาได้พบกัน เขาจะเป็นเหมือนผมกับพี่ปาไหมหนอ? พี่ปาเขาบ่นว่าเซ็ง ชักไม่อยากอยู่กับคุณยายในรั้วบ้านเดียวกันกับลุงรองป้าชื่น ก็จะเอาอะไรกับสาวน้อยวัยสิบขวบอย่างพี่สาวผม ผมเลยชวนพี่ปานอนค้างบ้านคุณย่า แต่พี่ปาต้องกลับไปเพราะไม่ได้ขอแม่ไว้ก่อน
แค่เรื่องพ่อกับแม่ก็นับว่าแย่อยู่แล้ว แต่ก็กลับเกิดเรื่องขึ้นอีก เมื่อผมเหม็นเบื่อท่าทางขี้เบ่งของพี่จ้อยที่คิดว่าตัวเองใหญ่เสียเต็มประดา ผมก็เลยพูดอย่างที่พ่อชอบพูดว่า อีกไม่นานก็เป็นรัฐมนตรีตกกระป๋อง เย็นนั้นก็เกิดเรื่องเพราะพี่จ้อยเอาไปฟ้องป้าชื่นแล้วก็คุณยาย พ่อผมก็ยิ่งตกที่นั่งลำบากถูกเหม็นหน้ามากขึ้นซิครับ
ผมไม่รู้ตัวผมหรอกว่าผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หมู่นี้ผมเล่นอะไรๆ ดูมันไม่ใคร่สนุกอย่างเมื่อมาอยู่บ้านคุณย่าใหม่ๆ เสียเลย ออกจะเบื่อๆ ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับผมดูเหินห่างไม่เหมือนตอนที่อยู่บ้านโน้นและตอนที่ผมยังเด็กๆ อยู่ ผมบอกไม่ถูกหรอกครับว่าผมรู้สึกอย่างไร เด็กขนาดผมจะให้แจกแจงความรู้สึกออกมาอย่างละเอียดย่อมเป็นไปไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่เองบางทียังไม่รู้จักอารมณ์ ไม่รู้จักตัวของตัวเองเลยนี่ครับ แล้วผมก็เห็นข้อเปรียบเทียบจากครอบครัว แดง เพราะแม่ของเขาดุอย่างกับเสือ แต่แดงก็รักแม่มาก ส่วนพ่อก็ขี้เมาและมักจะมีเรื่องตบตีกับแม่ทุกคืน แต่ผมไม่เห็นว่าพ่อกับแม่ของแดงเขาจะเลิกกันเลย ทั้งที่ปัญหาเขาเยอะกว่าพ่อแม่ผมอีก ผมล่ะไม่เข้าใจผู้ใหญ่จริงๆ
ผมกับพี่ปาไม่ค่อยได้พบหน้ากันเลย กับแม่ก็เคยมาหาผมที่โรงเรียนสองครั้ง ครั้งหลังเจอะกับพ่อเข้าพอดี แหม...เขาต่างทำหน้าพิลึกล่ะครับ พ่อก็ตีหน้าขรึม แม่ก็ตีหน้าเคร่ง ผมขี้เกียจถามแล้วว่าเมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับไปอยู่บ้านเราพร้อมกับพ่อ ผมต้องยอมรับความจริงว่าพ่อแม่เขาเลิกกัน ไม่ใช่เพียงแค่แยกกันอยู่เพียงไม่กี่วันเหมือนอย่างที่ผมเข้าใจในตอนแรกๆ เพราะนี่มันก็หลายเดือนเต็มทนแล้ว ตอนขับรถออกมาพ่อก็เหม่อๆ ไม่รู้คิดถึงแม่หรือเปล่า ทำให้เผลอขับรถไปชนกับคันหน้าเขาเฉยเลย แหม...ผมอยากรู้จัง แม่ผมเขาจะขับรถใจลอยเกือบชนใครเข้าอย่างพ่อผมหรือเปล่า?
ชีวิตผมลุ่มๆ ดอนๆ ต่อมาอีกหลายเดือน จนพ่อมาบอกผมว่าจะต้องไปทำงานที่มาเลเซีย เป็นงานขั้นทดลอง เขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นช่วงแรกสามเดือน ระหว่างอยู่บ้านคุณย่าซึ่งมีที่ซุกซนเยอะแยะแล้วก็ตามใจผม กับอยู่บ้านคุณยายผู้จู้จี้ ยังไงๆ ผมก็อยู่กับคุณย่าดีกว่า ตอนพ่อไม่อยู่ลุงป๋องมาเยี่ยมผมบ่อยเหมือนกัน หรือจะเป็นเพราะรู้ว่าน้าใหม่มาหาผมเสมอๆ ก็ไม่รู้ บางทีลุงกับน้าเขาก็พบกันและชอบคุยกันครั้งละนานๆ ระยะหลังๆ มานี้ผมเห็นลุงป๋องเขามองน้าใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ แพรวพราวยังไงไม่รู้
น้าใหม่บอกผมว่าแม่คิดถึงผมเลยให้น้าใหม่มารับไปค้างด้วย ผมเลยใจอ่อนไปหาแม่ แม่ก็ชวนให้ผมพักอยู่ต่อที่บ้านคุณยาย ผมก็เล่นแง่ว่าจะอยู่กับแม่ที่บ้านเราเท่านั้น เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นภาระที่ผมต้องอยู่คอยดูแลพ่อ ก็พอดีที่พี่ปาเขากลับมาจากโรงเรียน เขาทำท่าดีใจวิ่งมาหาผมแล้วก็ขอแม่ว่าจะไปค้างบ้านคุณย่ากับผม แม่จึงจำใจต้องอนุญาต แต่แล้วพี่ปาเขาไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านคุณยายจริงๆ แหละ แม้วันรุ่งขึ้นน้าใหม่มารับกลับเขาก็ไม่ยอมกลับ ทีเมื่อตอนพ่อกับแม่แยกกันใหม่ๆ ผมยังจำได้ว่าพี่ปาเขาเจ้ากี้เจ้าการสั่งผมนักให้ผมเป็นเพื่อนพ่อ พี่ปาเขาจะอยู่เป็นเพื่อนแม่
แต่ก็มีปัญหาเกิดกับพี่ปา คือการที่เขาต้องนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนนี่แหละครับ เลยถูกเพื่อนๆ ล้อจนเก็บเอาอารมณ์โกรธมาอาละวาดให้ผมฟังบ่อยๆ ก็เขาเคยแต่นั่งรถยนต์ไปเรียนเหมือนเพื่อนของเขานี่ครับ แล้วแม่ก็อุตส่าห์ขับรถมารับผมกับพี่ปาแล้วพาไปส่งบ้านคุณย่า แม้ผมจะสงสารที่แม่จะต้องขับรถไกลๆ แต่คนอย่างผมก็ไม่ตกหลุมอุบายตื้นๆ ของแม่หรอกครับที่จะให้พวกเราสงสารแล้วไปอยู่ด้วย แม่จึงไม่วายบ่นน้อยใจว่าไม่มีใครรักแม่สักคน จริงๆ ผมก็สงสารแม่เหมือนกัน แม้บางทีจะดูเหมือนพ่อแม่จะไม่รักเรา แต่ว่าที่จริงแล้วทั้งพ่อทั้งแม่เขาคงรักเราหรอก แม้ว่าเขาจะโกรธกันเองและไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างพ่อแม่ผม
พี่ปาเขียนจดหมายถึงพ่อและเล่าให้ฟังว่าเขามาอยู่บ้านคุณย่ากับผม เขาเขียนตอนหนึ่งว่า...หนูอยากให้พ่อแม่คืนดีกัน แม่คงคิดถึงพ่อเหมือนกัน แต่แม่เป็นคนมีทิฐิ พวกเราไม่รู้หรอกครับว่าทิฐิแปลว่าอะไร ดูเหมือนลุงป๋องจะแปลว่าต่างคนต่างไม่อยากง้อกันนี่แหละ ก็คงเหมือนผมกับพี่ปาเวลาโกรธกัน ต่างคนต่างไม่ยอมง้อกันก่อน แต่ไปๆ มาๆ ต่างคนต่างก็เผลอลืมไปว่าเราโกรธกัน โดยเฉพาะตอนดูโทรทัศน์เรื่องที่เราชอบดูทั้งคู่ เลยเผลอวิพากษ์วิจารณ์เสียนี่ แต่พวกผู้ใหญ่เขาจะเป็นอย่างเราหรือเปล่าก็ไม่รู้ซี อีกไม่กี่วันผมกับพี่ปาก็ได้รับจดหมายตอบจากพ่อบอกว่าคิดถึงตามธรรมเนียม ไม่ได้พูดถึงแม่เลย พ่อคงคิดว่าที่พี่ปาเขาเขียนไปเรื่องแม่นั้น เขาคงแก่แดดเขียนไปเอง ทำไมหนอพ่อเขาถึงไม่บอกมาสักคำว่าเขาก็อยากคืนดีกับแม่ ก็คงให้คำว่าทิฐิเหมือนแม่นี่แหละ เฮ้อ...ต่างคนต่างทิฐิ พวกเราลูกๆ ก็แย่กันเท่านั้นเอง เกิดมาเป็นลูกที่พ่อกับแม่เขาเก็บเอาเจ้าตัวทิฐิเข้าไว้กันคนละมากๆ นี่ ผมละเบื่อที่ซู้ด
แต่แล้วไม่รู้ยังไง วันหนึ่งแม่ก็บอกเราสองคนว่า แม่จะกลับมาอยู่บ้านเราสักพัก เราตื่นเต้นที่จะได้กลับไปอยู่บ้านกับแม่ แม้ว่าพ่อจะไม่อยู่ก็ตาม ก็ยังดีกว่าอยู่บ้านคุณย่าโดยไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ แต่ก็บังเอิญมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นครับ เกิดเปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยเหตุผลอะไรมันนอกเหนือความสามารถที่จะรับรู้ของเด็กๆ อย่างผม แล้วทีนี้ลุงรองก็ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย เพิ่งเป็นเก้าอี้กำลังจะอุ่นๆ เท่านั้นเอง ประโยคท้ายนี่ก็ลุงป๋องของผมตามเคยเป็นคนพูดให้ผมจำขี้ปาก เรื่องมันไม่น่าจะเกี่ยวกับผมและพี่ปา แต่ก็เกี่ยวเข้าจนได้ เพราะแม่งดเรื่องที่เราจะกลับไปอยู่บ้านเอาไว้ชั่วคราว แม่อ้างว่าเขาจะว่าได้ว่าพอเห็นเขามีบุญก็วิ่งเข้าไปหา หัวใจผมห่อเหี่ยวลงไปหลังจากพองโตมาสองสามวัน
แล้วแม่ก็เกิดมีเรื่องกระทบกระเทือนเรื่องงานของแม่ในอีกไม่นานต่อมาครับ โดยคำสั่งของรัฐมนตรีคนใหม่ให้แม่เป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง ดูเหมือนว่าตำแหน่งของแม่จะกลับถอยลงแม้จะอยู่ในอัตราเงินเดือนเดิม เรื่องแม่ถูกย้ายตำแหน่ง แม่คงเสียใจเหมือนกัน บังเอิญอีกสองวันต่อมาโรงเรียนหยุดกลางเทอม นอกจากผมกับพี่ปาไม่ได้กลับไปอยู่บ้านแล้ว ยังไม่ได้พบแม่อย่างเก่าเสียด้วย ผมลืมเล่าเรื่องพี่จ้อยเข้าไป แปลกนะครับเรื่องลุงรองพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี พี่จ้อยเขาดูอายๆ ชอบกล อันที่จริงไม่เห็นว่าน่าอายอะไร ถึงเราจะยังเด็กๆ เราก็ต้องเรียนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ตำแหน่งคงที่ มีระยะเวลามีเทอม หรือจะเป็นเพราะพี่จ้อยแกเบ่งเอาไว้มากก็ไม่รู้
ผลสุดท้ายผมกับพี่ปาก็ต้องผิดหวังไม่ได้กลับไปอยู่บ้านเรากับแม่ พ่อก็หายเงียบไปเหมือนกัน พ่อคงนึกว่าเราสองคนพี่น้องมาอยู่รวมกันที่บ้านคุณย่าสบายดีแล้ว เพราะพ่อคงไว้ใจคุณย่าให้เลี้ยงลูกของพ่อยิ่งกว่าให้อยู่กับทางด้านแม่ พ่อก็เลยหายเงียบไปเลยทั้งเดือน หรือพ่อจะมีแฟนใหม่จริงๆ อย่างที่ลุงป๋องพูดเล่นอยู่เสมอก็ไม่รู้ ลุงป๋องเคยพูดบ่อยๆ ว่าผู้ชายใกล้ใครก็มักจะอดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าห่างจากภรรยา แล้วนี่พ่อกำลังว้าเหว่ กำลังโกรธกับแม่ด้วย เกือบเดือนหลังจากนั้นผมจึงได้รับจดหมายจากพ่อ พ่อเขียนมาบอกสั้นๆ ว่าถ้าผมกับพี่ปาอยากไปอยู่กับแม่ที่บ้านคุณยายก็ให้ไปอยู่เถอะ สงสารแม่เขา คุณย่าอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะว่าน่ากลัวพ่อจะมีเมียใหม่แล้วจริงๆ แต่ทว่าพี่ปาเขาคงกลัวเหมือนกัน เด็กผู้หญิงมักอ่อนไหวกว่าเด็กผู้ชายนี่ครับ
อยู่ๆ พี่ปาเขาเป็นอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาเกิดปวดท้องไม่สบายขึ้นมากะทันหัน ผมเลยฝากพี่จ้อยไปบอกแม่ พอกลับมาบ้านผมก็ไม่เห็นพี่ปาเขาเป็นอะไร เห็นนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างสบายใจ แต่พอคืนนั้นแม่กับน้าใหม่มาหา อยู่ๆ เขาก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ยังกับว่าเขาแกล้งเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นแหละ พี่ปากลายเป็นโรคปวดท้องเป็นประจำ นอกจากปวดท้องแล้วยังหงุดหงิดอีกด้วย เราเริ่มทะเลาะกันอีกเหมือนตอนอยู่บ้าน จนคุณย่าบ่นว่ามีกันสองคนพี่น้องน่าจะรักกันให้มาก ผู้ใหญ่เขาไม่รู้หรอกครับว่าไอ้ที่หมั่นพูดหมั่นจี้อยู่เสมอว่า พ่อก็ไม่มีแม่ก็ไม่มี หรือพ่อแม่ก็เลิกกัน มันทำให้เด็กอย่างพวกเรารู้สึกยังไง
ลุงป๋องมาเยี่ยมเราบ่อยคงเพราะพ่อสั่งฝากฝังเอาไว้ แล้วก็ระยะหลังนี่ดูเหมือนว่าลุงป๋องจะมาเพื่อให้บังเอิญพบกับน้าใหม่ด้วย ผมยังบังเอิญแอบได้ยินข่าวใหม่ว่าลุงป๋องเขาแอบตกลงเป็นแฟนกับน้าใหม่ แต่มีข้อแม้ว่าคุณยายจะต้องห้ามล่วงล้ำอธิปไตยของเขาทั้งสอง ลุงป๋องกับน้าใหม่พาพี่ปาไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอก็บอกว่าไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่พี่ปาก็ยังปวดท้องอีกแหละ ดูท่าทางของเขาไม่ได้แกล้งแน่ๆ พอเรื่องป่วยของพี่ปารู้ถึงพ่อ พ่อก็ส่งข่าวมาว่าจะกลับมาเยี่ยมพวกเราก่อนที่จะเซ็นสัญญากับทางโน้นเป็นการถาวร พอพ่อมาถึงพี่ปาก็เริ่มปวดท้องอีกจนได้ จนเดือดร้อนต้องให้คู่รักคู่ใหม่อย่างลุงป๋องและน้าใหม่ต้องเป็นธุระพาไปหา หมออู๊ด แต่หมอก็กลับแนะนำว่าต้องให้พ่อกับแม่ดีกันพี่ปาถึงจะหาย ว่าที่จริงผมก็งงๆ อยู่เหมือนกัน พี่ปาเขาปวดท้องของเขา ผมไม่เห็นมันจะเกี่ยวกันที่ตรงไหนเลย
แต่เรื่องคืนดีของพ่อแม่นั่นแหละครับเป็นเรื่องใหญ่ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครยอมลงให้ใคร แม่ก็กลัวจะเสียหน้าที่ตัวเองต้องเป็นฝ่ายตกต่ำ ข้างพ่อก็ไม่อยากง้องอนแม่ น้าใหม่กับลุงป๋องจึงต้องทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่ชักเพื่อประสานรอยร้าวให้ครอบครัว แต่ก็ดูจะไม่มีอะไรก้าวหน้า จนพ่อเขาต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ก่อนที่พ่อจะขึ้นเครื่องบิน พ่อเขาก็กอดพี่ปาแล้วบอกว่า บางทีถ้าพ่อกลับมาอีกหน เราทั้งคู่ก็อาจได้กลับไปอยู่บ้านเราเหมือนเก่าก็ได้ น้าใหม่บอกพวกเราว่าพ่อแม่มีหวังกลับมาคืนดีกัน แต่แม่ยังเขินอยู่ แหม..ทีโกรธกันไม่เห็นเตรียมอะไรเลย เราสองคนพี่น้องจึงต้องร้องเพลงรอไปก่อน
ครับ...เป็นอันว่าผมกับพี่ปากำลังรอให้พ่อกับแม่เขากลับมาคืนดีกันด้วยความหวัง มีความหวังแบบนี้ผมไม่รังเกียจที่จะรอเลย ให้ตายเถอะ (ขออุทานอย่างลุงป๋องเป็นครั้งสุดท้าย) เด็กอย่างเราคงเป็นอย่างที่ลุงป๋องว่านั่นแหละครับ คือต้องร้องเพลงรอเอาไว้ก่อน รอให้โต รอให้เป็นผู้ใหญ่ รอให้พร้อมที่จะรับผิดชอบบ้านเมืองในอนาคต ก็ผู้ใหญ่เขายกย่องว่าเราเป็นหัวใจ เป็นอนาคตของชาตินี่ครับ
ข้อสำคัญระหว่างที่เราเป็นหัวใจของชาติ แล้วก็กำลังรอการรับผิดชอบบ้านเมืองต่อจากผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยให้เราพร้อมหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้รอไปตามบุญตามกรรมของเรานะครับ ถ้าอยากเห็นอนาคตของชาติดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ล่ะก็...

บทประพันธ์
สีฟ้า

บทโทรทัศน์
คฑาหัสต์ บุษปะเกศ
สถาพร สุชาติ

ผู้กำกับการแสดง
โชติรัตน์ รักเริ่มวงษ์

รายชื่อนักแสดง

ฉัตรชัย เปล่งพานิช

รับบท ปุณย์ : หนุ่มหล่อลูกเศรษฐีนีชาวสวน จบประกาศนียบัตรวิชาชีพด้านสถาปัตย์ ขยัน ตรงไปตรงมา
ชอบสังสรรค์กับเพื่อน รักลูก ทำอาหารเก่ง และชอบเล่านิทานให้ลูกฟัง


สิเรียม ภักดีดำรงค์ฤทธิ์

รับบท ปัทมาภรณ์ : นักวิชาการด้านสถาปัตยกรรมดีกรีปริญญาโท นักพูดปากกล้า เป็นสาวสมัยใหม่มีความ
มั่นใจในตัวเองสูง มีความทะเยอทะยาน ชอบออกสังคม แต่งานบ้านไม่ได้เรื่องเลย รักลูกมากพอๆ กับปุณย์

อินทิรา แดงจำรูญ

รับบท ใหม่ : น้องสาวของปัทมาภรณ์ อาจารย์สาวกำลังจะจบด็อกเตอร์อยู่รอมร่อ พูดจาตรงไปตรงมา
สนิทกับพี่เขย ทำอาหารเก่ง มีความคิดแตกต่างจากแม่และพี่สาวจนกระทั่งคุณหญิงแม่
ระอา ปีนเกลียวกับป๋องจนแน่นจนแกะไม่หลุด ร่วมมือกันเป็นพ่อสื่อให้ปุณย์กับปัทดีกัน


วัชรินทร์ ฟรานซิส แองกุส
รับบท ป๋อง : เพื่อนสนิทของปุณย์ พ่อม่ายเมียตาย มีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ เป็นของตัวเอง ติดดิน
ชอบดื่มสุรา พูดจาโผงผาง แต่อารมณ์ดี สนิทกับแม่ของปุณย์เพราะชอบร่ำสุราด้วยกัน
ปีนเกลียวกับใหม่ จากคู่กัดอมตะกลายเป็นคู่รักหวานแหววในที่สุด

อรัญญา นามวงศ์
รับบท มารศรี : แม่ของปัทมาภรณ์ เป็นคุณหญิงที่สถาปนาตัวเอง เพราะคุณหญิงตัวจริงเมียหลวงของสามี
ชิงตายซะก่อน เป็นคนหัวสมัยใหม่ อยากให้ลูกได้ดีจนทำได้ทุกอย่าง งมงายในไสยศาสตร์
ชอบออกสังคม เป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกเขย

วิไลวรรณ วัฒนพานิช
รับบท จำเนียร : แม่ของปุณย์ เศรษฐีนีประเภทผ้าขี้ริ้วห่อทอง อยู่สวนแถวเมืองนนท์ ปากร้ายใจดี ชอบยา
ดองมาตั้งแต่สาวๆ ชอบชนแก้วกับป๋อง ชอบทำบุญ มีคติสอนใจให้ลูกหลานเสมอโดย
เผลอด่าก่อน

ด.ญ. วรมน จิวลวัฒน์
รับบท ปารวดี (ปา) : ลูกสาวคนโตของปุณย์และปัทมาภรณ์ เป็นเด็กฉลาดคล่องแคล่ว
เอาแต่ใจตัวเองเล็กน้อยนิสัยเอนเอียงไปทางแม่ แต่ก็รักพ่อ
มีวิธีเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้างด้วยการปวดท้อง

ด.ช. นนท์ หงษ์มานพ
รับบท ปรศุ (ปอ) :ลูกชายคนเล็กของปุณย์กับปัทมาภรณ์ เป็นเด็กฉลาดคล่องแคล่วเหมือนพี่สาว สนิทกับพ่อ
เป็นคนชอบสงสัยและตั้งคำถาม ชอบยั่วโมโหพี่สาว
แต่ก็มาสุมหัวกันทุกครั้งที่พ่อกับแม่ทะเลาะกัน

ภาณุเดช วัฒนสุชาติ
รับบท ฉัตร : นายพลหนุ่มของกองทัพไทย หลงชอบปัทมาภรณ์มาตั้งแต่ยังรุ่นจนแต่งงานแล้ว ทำตัว
เป็นมือที่สามอย่างสม่ำเสมอ โดยการสนับสนุนของคุณหญิงมารศรี
ทำทุกอย่างเพื่อชีวิตตนและตำแหน่ง

กฤตย์ อัทธเสรี
รับบท รอง : ลูกชายคนโตของคุณหญิงมารศรี เป็นนักการเมืองที่ปากจัด ฟุ้งเฟ้อ ไม่จริงใจกับบ้านเมือง
รักลูกชายจนหน้ามืดตามัว ทำทุกอย่างเพื่อตนและตน

อลิษา ขจรไชยกุล
รับบท ชื่น : เมียรอง ฟุ้งเฟ้อ ขี้คุย ดูถูกคนจน แต่ชอบทำบุญกับคนจนเพื่อตำแหน่งของสามี ตามใจ
ลูกชายจนเสียคน เชื่อโชคลาง

เชษฐวุฒิ วัชรคุณ
รับบท จุก : เด็กในบ้านของจำเนียร ทะลึ่งตึงตัง ตลก ชอบยั่วให้จำเนียรด่า
อยากโกอินเตอร์ ชอบทำตัวหล่อ แต่ซื่อสัตย์

แวว จ๊กม๊ก
รับบท คำใส : คนใช้คู่หูของศรี เป็นคนอีสาน มีความเป็นอีสานสูง ชอบสนุกสนาน

พรพรหม สายบัว
รับบท ศรี : คนใช้ในบ้านปุณย์ ชอบสอดรู้สอดเห็น ช่างนินทา ปากจัด

ชมพูนุช ปิยะภาณี
รับบท แจ๊ด :

วงษ์เทพ คุณารัตนวัฒน์
รับบท จ้อย : ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของรองและชื่น หัวสูง ขี้โม้ เกเร ชอบเที่ยวกลางคืนแต่เด็ก
เป็นอันธพาล แต่พ่อตัวเองออกโรงปกป้องทุกครั้ง

นักแสดงรับเชิญ
กัลยา เลิศเกษมทรัพย์ รับบท แข
มนัสวี กฤตานุกูลย์ รับบท ณัชชา
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านorange-shop2
orange-shop2
ขายแผ่น
เบอร์โทร : 0628022626
อีเมล : orangeshop2@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม