จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | DVDไทย |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
มะเมี๊ยะ ชุดปากกาทอง<แปลงใหม่คุณภาพเยี่ยม> Dvd โดย ศรราม ,สุวนันท์เป็นละครพีเรียดที่ ศรราม แสดงกับ กบ สุวนันท์ เป็นเรื่องที่ 2 หลังจากแสดง ผยอง คู่กันเป็นเรื่องแรก ประทับใจมาก ๆ ต้องดูให้ได้นะคะ < คุณภาพดีมาก ๆค่ะ >
ในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระปิยะมหาราช เจ้าน้อยศุขเกษม ราชบุตรองค์ใหญ่ซึ่งประสูตรจากเจ้าหญิงจามรีรัชทายาทของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ซึ่งไปศึกษาต่อที่เมืองมะระแหม่งตั้งแต่อายุได้ เพียง ๑๕ ปี และได้ใช้เวลาอยู่ ณ ต่างด้าวต่างแดนถึง ๕ ปีเต็มๆ เจ้าน้อยศุขเกษมเป็นชายหนุ่มรูปงามซึ่งชาวพม่า มอญ ยกย่องสรรเสริญความงามของหม่อมเจ้าน้อยศุขเกษมเสียเลิศลอย " พิศโฉมและฟังเสียง ละก็เพียงจะขาดใจ โอ้นอนจะหลับไหล ฤาฉะนี้นะอกเอ๋ย ขืนนอนก็ร้อนเร่า ฤดีเฝ้าคนึงเชย หากขืนจะนอนเฉย อุระอาจพังภินทร์ " เจ้าน้อยศุขเกษมได้พบรักกับสาวชาวเมืองมะระแหม่งนางหนึ่งมีนามว่า "มะเมี๊ยะ" ขณะนั้นมะเมี๊ยะเป็นเพียงแม่ค้าสาวชาวพม่า หน้าตาพริ้มเพราได้พบกับเจ้าน้อยศุขเกษมครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 16 ปี ขณะนั้นมะเมี๊ยะเป็นเพียงแม่ค้าขายบุหรี่ในตลาดเมืองมะระแหม่ง " ขนตายาวราวปีกคลีของผีเสื้อ มองไม่เบื่อจูงใจไปจำหลัก ตาคมซึ้งตรึงอุระดังชะนัก เป็นรอยปักแนบแน่นแก่นชีวิต " เมื่อทั้งสองได้พบกันจึงเกิดเป็นความรักได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาเรื่อยมาและในวันพระ ทั้งสองจะพากันไปทำบุญที่วัดในเมืองมะระแหม่งอยู่เสมอ ณ ที่ลานพระบรมธาตุศักดิ์สิทธิ์-ปูชนียสถานเก่าแก่ดั้งเดิมคู่บ้านคู่เมืองของเมืองมะระแหม่งนั้นเอง ทั้ง สองหนุ่มสาวซึ่งได้ครองรักเยี่ยงสามีภริยากัน หลังจากติดต่อกันไม่นานได้นั่งหมอบเคียงคู่ให้สัตย์ ปฏิญาณสาบานต่อกันว่าจะซื่อตรงจงรักไม่แปรผันชั่วชีวิตดับ ทั้งเจ้าหนุ่มและมะเมี๊ยะสาวน้อยผู้ยังไม่ เดียงสาต่อโลกและชีวิต เฝ้าแต่เพียงว่า " สิ่งกีดขวางระหว่างชนสองคนเพศ ใช้เส้นเขตขีดรอบเป็นขอบขันธ์ ใช้สัญชาติ, ศาสน์, เหล่าหรือเผ่าพันธ์ แต่สิ่งนั้นคือศักดิ์ที่รักดี " เมื่อถึงกำหนดการที่จะต้องเดินทางกลับเชียงใหม่ซึ่งเจ้าน้อย เพิ่งจะมีอายุครบ 20 ปี จึงได้ตัดสินใจให้มะเมี๊ยะ ปลอมตัวเป็นชายติดตามขบวน เพื่อกลับไปยังเมืองเชียงใหม่ ในฐานะเพื่อนหนุ่มชาวพม่าโดยหารู้ไม่ว่าเจ้าพ่อและเจ้าแม่ได้หมั้นหมายเจ้าหญิงบัวนวลธิดาของเจ้าสุริยวงศ์ให้เป็นคู่หมั้นของเจ้าน้อย ตั้งเมื่อเจ้าน้อยเดินทางไปศึกษาที่เมืองพม่า หลังจากที่ต้องแอบซ่อนมะเมี๊ยะไว้ในบ้านหลังเล็กที่เจ้าพ่อและจ้าวแม่จัดเตรียมเป็นที่พักมาแล้วหลายวัน ในที่สุดเจ้าน้อยจึงตัดสินใจบอกความจริงกับเจ้าพ่อและเจ้าแม่และเจ้าน้อยรู้ดีว่า แม้ท่านทั้งสองจะมิได้เอ่ยคำใด แต่คงไม่ยอมรับให้มะเมี๊ยะเป็นศรีสะใภ้แน่นอน เนื่องจากเจ้าน้อย ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่งเจ้าหลวงองค์ถัดไปหากเจ้าน้อยเลือกมะเมี๊ยะเป็นภรรยาประชาชนย่อมอึดอัดใจในการยอมรับมะเมี๊ยะ ผู้เป็นหญิงต่างชาติมาดำรงสถานะภรรยาของเจ้าเมืองอย่างแน่นอน อันเชื้อสายราชวงศ์ของเจ้าสุริยะนั้น สืบเชื้อ สายมาจากเจ้าฟ้าเชียงตุงที่ลี้ภัยจากพม่า มาแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ ๑ เจ้าฟ้าเชียงตุง องค์นี้เป็นไทยเขินละทิ้งราชบัลลังก์มาตั้ง นิวาสถานอยู่ในเชียงใหม่ ส่วนเจ้าหญิง สุคนธาภริยาเจ้าสุริยะ เป็นธิดาของเจ้าราช- บุตร (สุริยะวงศ์) ซึ่งก็เป็นโอรสของพระเจ้า มโหตรประเทศราชา เจ้าผู้ครองนคร เชียงใหม่องค์ที่ ๕ สถานการณ์ในขณะนั้นน่าวิตกยิ่ง เนื่องจากอังกฤษได้แผ่อิทธิพลไปทั่วเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มะเมี๊ยะเป็นคนในบังคับของอังกฤษและอาศัยอยู่ในคุ้มของอุปราชอาจเป็นปัญหาที่ใหญ่โตทางการเมืองได้ในภายหลัง ในที่สุดเจ้าพ่อและเจ้าแม่จึงยื่นคำขาดให้เจ้าน้อยส่งตัวมะเมี๊ยะกลับเมืองมะระแหม่ง เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง เจ้าศุขเกษมถึงน้ำตาตลอหลังจากแน่นิ่งฟังเจ้าพ่อเจ้าแม่ ความคิดภายในสับสนบอกไม่ถูกเมื่อคิดถึงประเพณีกับความรัก พลางโพล่งออกมาว่า "มะเมี๊ยะไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้ลบหลู่ใครมะเมี๊ยะเป็นคนดี ข้าเจ้ารักมะเมี๊ยะ มะเมี๊ยะเป็นหัวใจของข้าเจ้า ข้าเจ้าเป็นหัวใจของมะเมี๊ยะ เราเคยสาบานกันต่อหน้าพระธาตุมะระแหม่งว่า ถ้าใครทรยศต่อรักแล้วขอให้อายุสั้น ข้าเจ้ารักมะเมี๊ยะเจ้าแม่ " แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่เป็นผลดั่งใจเจ้าน้อยเนื่องจากปัญหาบ้านเมืองนั้นน่าวิตกยิ่ง มะเมี๊ยะได้ถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับไปรอเจ้าน้อยที่เมืองมะระแหม่ง มิฉะนั้น บ้านเมืองอาจเดือดร้อนนางได้เอ่ยขึ้นด้วยความเสียใจ และยอมจากไปเพื่อไม่ให้คนที่ตนรักได้รับความเดือดร้อน "มะเมี๊ยะเห็นใจเจ้าแล้ว มะเมี๊ยะต้องจากเจ้าไป ตลอดชีวิตของมะเมี๊ยะจะไม่ขอเป็นของใครอีก มะเมี๊ยะจะเป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น มะเมี๊ยะมีใจเดียวรักเดียว จะขอรอเจ้าจวบจนชีวิตดับ" เสียงมะเมี๊ยะขาดห้วงลง เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอยมิให้พูดต่อไปอีก เจ้าศุขเกษมดึงร่างมะเมี๊ยะกระชับเข้ามาอีก แล้วคร่ำครวญเป็นภาษาพม่าอย่างชัดถ้อยชัดคำ "สุดที่รักของฉัน ฉันเกิดมามีกรรม เราเคยสาบานกันว่าใครทรยศต่อรักขออย่าให้อายุยืนยาว แล้วฉันก็ต้องทำลายเธอ ทำลายชีวิตเธอทางอ้อมขอกลับไปรอฉันที่บ้านเถิด หากฉันมีบุญวาสนาในวันหน้า ฉันจะไปรับเธอกลับมาอยู่เชียงใหม่จนได้ มะเมี๊ยะจ๋า ฉันจะรักเธอจนวันตาย" แล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่ถูกพลัดพรากจากกันจนชั่วชีวิต มันเป็นเช้าของเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๔๖ ณ ประตูเมืองที่เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่อยากเห็นโฉมหน้าของมะเมี๊ยะ ที่ลือกันว่างามนักหนา บรรยากาศเต็มไปด้วยความหดหู่และเศร้าหมองเมื่อเจ้าน้อยพูดภาษาพม่ากับมะเมี๊ยะได้ไม่กี่คำ นางผู้มีใจรักมั่นได้ร่ำไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ ในอ้อมแขนที่ยากจะจากกันได้เวลานั้นก็ล่วงเลยไปมากแล้วเจ้าน้อยได้รับปากกับมะเมี๊ยะว่า ตนจะยึดมั่นในคำปฏิญานที่ให้ไว้ต่อหน้าพระพุทธรูป จนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากท่านนอกใจมะเมี๊ยะ โดยสมรสกับหญิงอื่น ขอให้ชีวิตของตนประสพแต่ความทุกข์ทรมานใจแม้แต่อายุ ก็จะไม่ยืนยาว เจ้าน้อยได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายในเดือนจะกลับไปหามะเมี๊ยะให้จงได้แม้จะขึ้นไปบนช้างแล้วก็ตาม มะเมี๊ยะก็ขอลงมาหาเจ้าน้อยอีกจนได้ เธอคุกเข่าลงกับพื้นก้มหน้า สยายผมออกเช็ดเท้าสามีด้วยความรักอาลัย เรียกน้ำตาของเจ้าน้อยไหลลงนองสองแก้มแล้วก็โผเข้ากอดรัดกันอีก เหตุการณ์ต่อหน้าต่อตาที่คาดไม่ถึงทำให้ประชาชนทั้งชายหญิงที่มีจิตใจไม่เข้มแข็งกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน ท้าวบุญสูงต้องอึดอัดใจอย่างยิ่งเพราะไหนจะปลอบใจให้มะเมี๊ยะกลับขึ้นไปบนหลังช้าง ไหนมะเมี๊ยะจะดึงดันกลับลงมาอีก เป็นหนที่สองวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดเจ้าน้อยอีก กว่าขบวนจะออกเดินทางได้ก็เลยกำหนดเวลาไปนานอักโข เจ้าน้อยยืนเหม่อมองดูจุดเล็กๆ ที่ขยับเขยื้อนเหลียวมองด้านหลังจากบนหลังช้างนั้นตลอดเวลาจนลับจากสายตาจึงยอมกลับสู่คุ้ม ประชาชนชาวเชียงใหม่ไม่มีโอกาสประสบพบเห็นความรักต่างแดนอันลงเอยด้วยความโศรกสลดรันทดใจมาก่อน และไม่มีโอกาสจะพบเห็นได้อีกแล้วในประวัติศาสตร์ของเวียงพิงค์ เมื่อกลับไปถึงเมืองมะระแหม่งแล้วมะเมี๊ยะได้แต่เฝ้ารอคอยเจ้าน้อยจนครบกำหนดเดือนที่ท่านได้รับปากไว้แต่กลับไร้วี่แววใดๆมะเมี๊ยะ จึงตัดสินใจเข้าพึ่งร่มพุทธจักร ครองตนเป็นชีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า นางยังซื่อสัตย์ต่อความรัก ที่มีต่อเจ้าน้อยศุขเกษม หลังจากที่มะเมี๊ยะ ทราบข่าวการเข้าพิธีมงคลสมรสระหว่างเจ้าน้อย กับ เจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ แม่ชีมะเมี๊ยะจึงเดินทางมายังเมืองเชียงใหม่และขอพบเจ้าน้อยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดีกับชีวิตที่กำลังรุ่งโรจน์ องค์อดีตสวามีผู้เป็นที่รักก่อนที่จะตัดสินใจครองตนเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต แต่เจ้าน้อยศุขเกษม ไม่สามารถหักห้ามความสงสารที่มีต่อมะเมี๊ยะได้จึงไม่ยอมลงไปพบแม่ชีมะเมี๊ยะตามคำขอร้องเพียงแต่มอบหมายให้เจ้าบุญสูงพี่เลี้ยงคนสนิทนำเงินจำนวน 80 บาทไปมอบให้แก่แม่ชีมะเมี๊ยะเพื่อใช้ในการทำบุญ พร้อมกับมอบแหวนทับทิมประจำกายอีกวงหนึ่ง เป็นตัวแทนของเจ้าน้อย ให้ไปกับแม่ชีมะเมี๊ยะ เหตุการที่เกิดขึ้นทำให้มะเมี๊ยะและเจ้าน้อยต่างสะเทือนใจเป็นที่สุด หลังจากเดินทางถึงเมืองมะระแหม่งมะเมี๊ยะได้ครองชีวิตเป็นแม่ชีตามความตั้งใจจนกระทั่งถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ.2505 รวมอายุได้ 75 ปี ส่วนเจ้าน้อยศุขเกษมได้รับราชการ เป็นรองอมาตย์โท ร้อยตรี เจ้าอุตรการโกศล (ศุขเกษม) ส่วนชีวิตสมรสของเจ้าน้อยก็ไม่มีความสุขต้องแยกทางกันกับ เจ้าหญิงบัวนวล ณ เชียงใหม่ เจ้าศุขเกษมติดสุราอย่างแรง จนกระทั่ง...ตรอมใจวายชนม์ เมื่ออายุได้ 30 ปี " แม้มิได้เป็นมหาสมุทรกว้าง ขอเป็นทะเลก็พอใจฉัน แม้มิได้เป็นเหมือนดวงตะวัน ขอเป็นจันทร์เจิดแจ่มแอร่มดู "มะเมี๊ยะ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 นักแสดง สุวนันท์ คงยิ่ง ศรราม เทพพิทักษ์ ... มะเมี๊ยะเป็นสาวแม่ค้า คนพม่าเมืองมะละแหม่ง งามล้ำเหมือนเดือนส่องแสง คนมาแย่งหลงรักสาว มะเมี๊ยะบ่ยอมรักไผ มอบใจหื้อหนุ่มเชื้อเจ้า เป็นลูกอุปราชท้าวเชียงใหม่ แต่เมื่อเจ้าชายจบการศึกษา จำต้องลาจากมะเมี๊ยะไป เหมือนโดนมีดสับดาบฟันหัวใจ ปลอมเป็นพ่อชายหนีตามมา เจ้าชายเป็นราชบุตร แต่สุดที่รักเป็นพม่า ผิดประเพณีสืบมา ต้องร้างลาแยกทาง โอโอ...ก็เมื่อวันนั้น วันที่ต้องส่งคืนบ้านนาง เจ้าชายก็จัดขบวนช้างให้ไปส่งนางคืนทั้งน้ำตา มะเมี๊ยะตรอมใจอาลัยขื่นขม ถวางบังคมทูลลา สยายผมลงเช็ดบาทบาทา ขอลาไปก่อนแล้วชาตินี้เจ้าชายก็ตรอมใจตาย มะเมี๊ยะเลยไปบวชชี ความรักมักเป็นเช่นนี้ แลเฮย ... ฟังเพลงนี้มิรู้เบื่อของ จรัล มโนเพ็ชร แล้วมาหลงใหลเสียงหวานๆ ซึ้งๆ และเศร้าจับหัวใจ จากเสียงร้องของ สุนทรีย์ เวชานนท์ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิท เป็นศิลปินล้านนาที่คนกรุง คนไทยทั้งประเทศนิยมและชื่นชม และก็ต้องน้ำตาท่วมจอทีวี เมื่อ ดาราวิดีโอ นำเรื่องราวความรักของเจ้าชายแห่งล้านนา และสาวชาวพม่า มะเมี๊ยะ มาสู่จอ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็นละครสั้นชุดปากกาทอง ศรราม เทพพิทักษ์ รับบทเป็น เจ้าน้อยศุขเกษม ส่วนนางเอกสาว สุวนันท์ คงยิ่ง รับบทเป็น มะเมี๊ยะ อายุอานามก็สมวัย 15 - 16 หนุ่ม ศรราม 20 - 21 เท่ากับอายุของมะเมี๊ยะและเจ้าน้อย ภาพที่คนดูจดจำและประทับใจ คือฉากที่ มะเมี๊ยะ สยายผมและก้มลงนำมาเช็ดเท้าของ เจ้าน้อย ซึ่ง เป็นสามีของเธอโดยพฤตินัย ถ้าเรื่องราวความรักอันเป็นอมตะ ซึ่งผ่านมากว่า 100 ปี แต่ก็ไม่มีใครลืม มาเป็นละครโทรทัศน์สัก 12 ตอน ให้คนรุ่นใหม่ได้รู้ว่าความรักแท้ไม่แบ่งวรรณะ ศักดินา และเชื้อชาติ แม้จะต้องแยกจากกัน แต่หัวใจทั้งคู่ยังผูกแน่น เจ้าน้อยเป็นราชบุตรของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 9 ( เจ้าแก้วนวรัฐ ) และ แม่เจ้าจามเทวี ถูกส่งไปเรียนที่พม่า และพบรักกับ มะเมี๊ยะ แม่ค้าขายยามวนหรือบุหรี่ และได้เสียกันเป็นสามีภรรยา โดยที่พ่อแม่พี่น้องทางบ้านของ มะเมี๊ยะ รับรู้ เมื่อ เจ้าน้อย ต้องกลับเชียงใหม่ก็ให้ มะเมี๊ยะ มาด้วย โดยให้ปลอมเป็นชาย เจ้าน้อย รู้แก่ใจว่า มะเมี๊ยะ จะไมได้รับการยอมรับเป็นสะใภ้อย่างแน่นอน ตอนหลังเจ้าน้อย ก็ต้องบอกความจริง ซึ่งตอนนั้น เจ้าน้อย มีคู่หมั้นอยู่แล้ว เจ้าพ่อและเจ้าแม่บอกถึงความจำเป็นต่างๆ นานาว่าจะรับ มะเมี๊ยะ อยู่ในสถานะนี้ไม่ได้ จึงบอกให้ มะเมี๊ยะ กลับไปบ้านเกิดก่อน เจ้าแก้วนวรัฐและแม่เจ้าจามเทวีก็มอบเงินจำนวนหนึ่งให้ มะเมี๊ยะ นำไปให้พ่อแม่ของเธอ มะเมี๊ยะหัวใจแทบสลาย แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรได้ รู้เหตุผลและสิ่งที่สำคัญเกรงว่า เจ้าน้อย จะเดือดร้อน เธอยินดีกลับมะละแหม่ง เจ้าน้อย ให้สัญญาว่าจะไปรับกลับเชียงใหม่ มะเมี๊ยะ สาวผู้อาภัพรัก แต่มีรักแท้ เฝ้ารอ แต่สามีอันเป็นที่รักก็ยังไม่มารับเธอตามสัญญา เธอบวชชี และเมื่อวันที่ทราบข่าวว่า เจ้าน้อย อภิเษกกับพระคู่หมั้นแล้ว เธอมาเชียงใหม่ขอเข้าพบเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแสดงความยินดี และจะบอกว่า มะเมี๊ยะ จะบวชตลอดชีวิต เจ้าน้อยเองก็เสียใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า มะเมี๊ยะ เจ้าน้อย ไม่กล้ามาพบให้คนสนิทนำเงินมามอบแก่ มะเมี๊ยะ และแหวนทับทิม 1 วง มะเมี๊ยะ จากไป หลังจากนั้น เจ้าน้อย ก็ร่างกายทรุดโทรมจากการดื่มสุราเพราะความเสียใจ เสียชีวิตในวัยแค่ 33 ปี ส่วน มะเมี๊ยะ เสียชีวิตเมื่อตอนอายุ 75 ปี เพราะความชราในภาพของแม่ชีผู้ทรงศีล ความรักของเจ้าชายและสาวมะละแหม่ง ตราตรึงอยู่ในใจ อ่านกี่ครั้ง นึกถึงทีไร น้ำตาก็ปริ่มทุกที เรื่องราวที่มาจากเรื่องจริง มิใช่พล็อตละครที่เกิดจากจินตนาการ หรือหยิบโยงเรื่องราวจากที่อื่นๆ มาผสมผสานและผู้ร้อยให้เป็นเรื่องเดียวกัน ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |