เจ้าของร้านค้านี้ ไม่ได้เข้าสู่ระบบเป็นระยะเวลา 77 วัน แล้ว
ข้อมูล
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
รายละเอียดสินค้า
เรื่องย่อ



นายเดื่อง (วินัย ไกรบุตร) หัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานรับปาก อาจารย์ประทีป (วันชัย เผ่าวิบูลย์)
หัวหน้าคณะศึกษา
โบราณคดีของกรมศิลป์ว่าจะปักหลักเฝ้าพระศิลาพระพุทธรูปที่ถูกค้นพบในถ้ำศิลา
บนเขาหลวงสุโขทัย
ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโจรใจบาปที่จ้องจะลักตัดเศียรพระศิลา โดยเฉพาะกำนันบุญ สุโขทัย (สุรวุฑ ไหมกัน) ซึ่ง
มี นิสัยขี้โกง ชอบสะสมและลักลอบซื้อขายวัตถุโบราณ
เมื่อกำนันบุญรู้เรื่องพระศิลาที่ถูกค้นพบเลยอยากได้ไว้
ในครอบครองจึงเดินทางจากสุโขทัย มาศรีสัชนาลัยบ้านนายเดื่อง
เพื่อขอให้นายเดื่องเปิดทางให้เข้าไปลัก ตัดเศียรพระ
แต่กำนันบุญถูกนายเดื่องปฏิเสธ และไล่ตะเพิดอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพล
นายเดื่องเป็นห่วง พระศิลาเลยจำเป็นต้องฝาก ขุนเดช (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ลูกชายวัย 10 ขวบไว้กับ คำปัน (รชยา รักกสิกรณ์) หญิง
สาวที่แอบชอบพ่อของขุนเดช และคอย ช่วยเลี้ยงดูขุนเดชเหมือนลูกแท้ๆ
แต่ความอยากรู้อยากเห็นของขุนเดชที่มีใจรักและสนใจในศิลปะโบราณ
ซึ่งถูกถ่ายทอดจากพ่อ
ทำให้ขุนเดชแอบขึ้นรถของอาจารย์ประทีปตามไปหาพ่อที่ถ้ำศิลา อาจารย์ประทีป
กลัวภัยจะเกิดกับนายเดื่อง จึงให้ปืนไว้ป้องกันตัว
แต่นายเดื่องปฏิเสธยืนยันจะใช้แค่ไม้ตะพดหัวเงิน อาวุธคู่กาย
ปกป้องสมบัติของแผ่นดิน ฟากกำนันบุญที่โกรธแค้นนายเดื่องมาก
จึงสั่งให้เสือแชนกับเสือชิด ลูกน้องคนสนิท
พาพวกบุกไปที่ถ้ำศิลาเพื่อจัดการกับนายเดื่องและ เอาเศียรพระศิลามาให้ได้
ขุนเดชที่แอบตามอาจารย์ประทีปมาหาพ่อที่เขาหลวงเกิดพลัดหลงอยู่ในป่า
หาทางไปหาพ่อที่ ถ้ำศิลาไม่ได้ โชคดีเจอหลวงพ่อสุข
พระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ใน บริเวณเขาหลวง หลวงพ่อสุขเคยเจอนายเดื่อง
ที่บริเวณถ้ำศิลาจึงพาขุนเดชไปหา
นายเดื่องโกรธลูกชายมากที่แอบหนีมาจะลงมือตี แต่หลวงพ่อสุขห้ามไว้
บอกพรุ่งนี้เช้า จะเป็นคนพาขุนเดชกลับไปที่ศรีสัชนาลัยเอง
คืนนั้นนายเดื่องจำเป็นต้องให้ขุนเดชค้างอยู่ในถ้ำ
ขุนเดชนอนฟังพ่อเล่าเรื่อง ความเชื่อเกี่ยวกับเขาหลวงให้ฟังว่า
เขาหลวงแห่งนี้ก็คือ " พระขพุง ผีเทวดา
ที่สถิตย์อยู่ที่นี่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาในเมืองสุโขทัย
หากผู้ครองเมืองสุโขทัยจะเป็นผู้ใดก็ตาม รู้จักนบไหว้ และ ทำพิธี
เซ่นสรวงถูกต้องแล้ว เมืองสุโขทัยย่อมตั้งมั่นถาวรยั่งยืน
แต่หากไม่รู้จักนบไหว้ ไม่มีการพลีบูชา ตามแบบแผนแล้ว
ผีในเขาหลวงจะไม่คุ้มไม่เกรง เมืองสุโขทัยก็จะล่มจม "
เพราะเหตุนี้นายเดื่องจึงต้องมาเฝ้า พระศิลาเอาไว้จากพวกคนใจบาป
ขุนเดชเองก็รับปากพ่อว่าเมื่อโตขึ้นจะทำหน้าที่รักษาสมบัติของชาติแบบพ่อ
แต่ระหว่างนั้น พวกเสือแชน เสือชิดบุกเข้ามา
นายเดื่องห่วงลูกชายจึงสั่งให้ขุนเดชไปซ่อนตัว แล้วเข้าต่อสู้กับ
พวกเสือแชน เสือชิด ด้วยไม้ตะพดอันเดียว
สุดท้ายนายเดื่องก็สู้ไม่ได้ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดทารุณ
ต่อหน้าต่อตาขุนเดช แล้วตัดเอาเศียรพระศิลาไป
เสือชิดได้ยินเสียงขุนเดชที่ซ่อนตัวในถ้ำจึงคิดจัดการขุนเดชอีกคน
แต่ขุนเดชคว้าไม้ตะพดของพ่อมาเป็นอาวุธและหนีพวกมันเข้าหายไปในป่าเขาหลวง
กลางดึกคืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสุขกำลังนั่งเจริญสมาธิอยู่ในกลด หลวงพ่อสุข
ได้เห็นนิมิตร บางอย่างที่น่าตกใจ ในนิมิตร
หลวงพ่อเห็นความเสื่อมทรามของผู้คน ที่ไม่เคารพต่อพระพุทธศาสนา
ศิลปะโบราณวัตถุถูกย่ำยีกลายเป็นเครื่องประดับฝาบ้าน
พระพุทธรูปต้องอยู่หลังกรงขังกั้น ไม่ให้ผู้มีจิตศรัทธา กราบไหว้
บางองค์ก็ถูกรุม ขัดถูเพื่อขอหวยมัวเมาในกิเลศ
พระพุทธรูปที่งดงามตามโบราณสถานก็ถูกตัดเศียร เรียงรายจนน่าเวทนา
หลวงพ่อสุขสะดุ้งตื่น จากนิมิตรพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากขุนเดช
ที่กำลังถูกพวกเสือแชน เสือชิดไล่ตามล่า
และคิดว่าขุนเดชตกหน้าผาตายไปแล้วจึงพากันกลับไป แต่ที่จริงแล้ว
ขุนเดชหลบซ่อนตัวอยู่ในซอกหิน ด้วยความตื่นกลัวและตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
ภาพของพ่อที่ถูกฆ่าตาย อย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา
ภาพของพระศิลาที่ถูกตัดเศียรทำให้ขุนเดชกลัวจนช็อคหมดสติ

หลวงพ่อสุขไปพบนายเดื่องถูกฆ่าตายที่ถ้ำศิลาจึงออกตามหาขุนเดชด้วยความเป็น
ห่วง และได้พบขุนเดชสลบอยู่ที่ซอกหินจึงปลุกขุนเดชให้ตื่น
แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้น มาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน
ใช้ไม้ตะพดที่กำไว้แน่นไล่ทำร้ายหลวงพ่อเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง
หลวงพ่อรู้ว่าที่ขุนเดชเป็นอย่างนี้ เพราะอาการช็อคตกใจกลัวจนเสียสติ
ควบคุมตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนั่งนิ่งและแผ่เมตตาให้ขุนเดชใจสงบ
ซึ่งก็ได้ผลขุนเดช สงบนิ่งไปและเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนา
หลวงพ่อสุขจำเป็นต้องเป่ากะหม่อม ขุนเดชให้หลับอย่างสงบ ข่าวการตายของนายเดื่องและการหายตัวไปของขุนเดชลูกชายนายเดื่อง เป็นที่โจษจันไปทั่ว สุโขทัยว่าเป็นฝีมือโจรใจบาป จ่าแท่น (วีระชัย หัตถโกวิท) ซึ่ง
รักและเคารพนายเดื่องเหมือนพี่ชาย คิดว่าขุนเดชน่าจะยังมีชีวิตอยู่
จึงชวนคำปันซึ่งเป็นน้องสาว ออกตามหาขุนเดช แต่ทั้งคู่ไม่พบร่องรอยขุนเดช
คำปันร้องไห้เสียใจทำใจไม่ได้ ว่าขุนเดชตาย
ชาวบ้านที่เชื่อเรื่องผีสางพากันพูดกันว่า พระขผุงคง
เอาตัวขุนเดชไปอยู่ด้วยที่เขาหลวง 10 ปีต่อมา
หลวงพ่อสุขซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ได้เลี้ยงดูขุนเดช จนเติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี
มีความฉลาดเฉลียวโดยสามารถสอบเข้าเรียนเป็นนักศึกษาในคณะโบราณคดี
ด้วยคะแนนสูงสุด แต่ขุนเดชจำเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้
เพราะผลจากการตกใจ กลัวจนช็อค ส่วนไม้ตะพด ของนายเดื่องที่ติดตัวขุนเดชมา
หลวงพ่อสุขก็เก็บรักษาเอาไว้ในกุฎิไม่เคยนำมาให้ขุนเดชเห็นเพราะเกรงว่า
ถ้าขุนเดชจับไม้ตะพดนี้อีกครั้ง ความโกรธแค้น เกรี้ยวกราด
ราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในจิต ใต้สำนึกของขุนเดช
อย่างที่หลวงพ่อเจอในอดีตจะกลับมาสิงสู่ในร่างของขุนเดชอีกครั้ง
แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยรู้ว่า หลายต่อหลายคืน
ขุนเดชมักจะฝันร้ายเห็นภาพเศียรพระศิลา ถูกตัด
ซึ่งขุนเดชก็ไม่กล้าเล่าให้หลวงพ่อฟัง เพราะกลัวว่าจะทำให้
อาการอาพาธของหลวงพ่อที่ไม่ค่อยดีอยู่จะทรุดหนักขึ้น ใกล้ๆ
วัดที่ขุนเดชอาศัยอยู่เป็นโรงหล่อพระของ ลุงเถิน ที่เอ็นดูขุนเดชเพราะ
เป็นเด็กหนุ่ม เอาการเอางานมักมาช่วยงานจ่าเถินเสมอๆ
แถมขุนเดชยังช่วยติวหนังสือให้ ดารา (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข)ลูก
สาวคนสวยของจ่าเถิน ที่อยากจะสอบเข้าเรียนในคณะโบราณคดี เหมือนอย่างขุนเดช
ดารามักจะค่อนขอดและงอนพ่อบ่อยๆ หาว่า พ่อรักขุนเดชเหมือนลูกชาย
ที่เป็นอย่างนั้นเพราะจ่าเถินมักชวนขุนเดชคุยเรื่องในอดีต
ที่จ่าเถินเคยเป็นนักเลง เพลงดาบ
ได้ฝีมือตีเหล็กตีดาบมาจากปู่ที่เป็นคนอรัญญิก
จ่าเถินให้ขุนเดชดูดาบที่จ่าเถิน ตีตอนเป็นหนุ่มๆ มันเป็นดาบไทยที่คมกริบ
ฟันฉับเดียวต้นกล้วยขาดเป็นสองท่อน
แต่เวลานี้จ่าเถินเลิกทุกอย่างแล้วใช้วิชาความรู้
มาหล่อพระแทนเพราะไม่อยากทำบาป
จ่าเถินกลัวว่าถ้าตัวเองตายจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ ลูกสาวไม่ได้
จึงสอนให้ขุนเดช ทั้งวิชาเชิงดาบและการตีดาบไว้เป็นความรู้ติดตัว
เวลาที่ขุนเดชไปไหนมาไหนกับดารา ใครๆ มักจะคิดว่าสองคนเป็นคนรักกัน แม้แต่ ย้ง หรือ ยงยุทธ (ศุกลวัฒน์ คณาเรศ) เพื่อน
สนิทของขุนเดชที่กำลังสอบเข้าเรียนตำรวจก็คิดอย่างนั้น
ขุนเดชอ่านใจของเพื่อนได้ว่า ย้งเอง
ก็แอบชอบดาราแต่ไม่กล้าแสดงออกเลยคิดจะช่วย ให้ย้งมีโอกาสตามลำพังกับดารา
ขุนเดชชักชวนไปเที่ยว อยุธยากันเพื่อชมโบราณสถาน
แต่ดารารู้ว่าขุนเดชทำเพื่อย้งเลยน้อยใจเพราะตัวเองก็แอบชอบขุนเดชอยู่
ดาราจะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ คนเดียว แต่ระหว่างทางเจอกับประดับ (ณัฐวัฒน์ เปล่าศิริวัธน์) ลูก
ชาย นายทหารนิสัยเกกมะเหรกเกเร เพราะมีพ่อเป็นนายทหารยศใหญ่โต
จึงกร่างไม่กลัวใคร ประดับกับเพื่อนฝูงพยายามที่จะชวนดาราให้ขึ้นรถ
ไปด้วยกัน ขุนเดชกับย้งตามมาเจอเลยมีเรื่องและเข้าตาจนถูกพวกประดับล้อมกรอบ
ดีที่อาจารย์ประทีป และคณะศึกษาโบราณคดีขับรถผ่านมาพบเข้า
พวกประดับจึงล่าถอยไป แต่ก็เก็บสมุดจดบันทึกของดาราได้
ทำให้ประดับรู้ว่าดาราเป็นใครและเรียนอยู่ที่ไหน
อาจารย์ประทีปอาสาพาพวกขุนเดชไปส่งกรุงเทพฯ เพราะ กำลังไปที่นั่นเหมือนกัน
และอาจารย์ประทีปก็สะดุดชื่อขุนเดชเป็นอย่างมาก
ยิ่งได้รู้ว่าขุนเดชเป็นเด็กกำพร้า
อาศัยอยู่ในวัดและเป็นนักศึกษาโบราณคดีที่มีความรู้เกี่ยวกับสุโขทัยจนหาตัว
จับได้ยาก ก็ยิ่งสนใจ
ขุนเดชกลับมาที่วัดก็ทราบข่าวร้ายว่าหลวงพ่อสุขอาพาธหนักแต่ไม่ยอมไป
โรงพยาบาล เพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาต้องละสังขารก็ขอให้เป็นไปตามกรรม
ส่วนอาจารย์ประทีปด้วยความสงสัยว่า
ทำไมหลวงพ่อสุขตั้งชื่อเด็กที่เอามาเลี้ยงว่าขุนเดช
จึงเข้าไปมนัสการกราบหลวงพ่อ และก็จำได้ว่าหลวงพ่อสุข
คือพระธุดงค์องค์เดียว กันกับที่เคยเจอที่เขาหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน
เลยยิ่งมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับขุนเดช ลูกชาย
นายเดื่องที่หาศพไม่พบจนทุกวันนี้
หลวงพ่อเลยเล่าให้อาจารย์ประทีปฟังถึงสาเหตุที่ ต้องพาขุนเดชมาอยู่ที่วัด
และเลี้ยงดูขุนเดช เพราะขุนเดช เห็นภาพพ่อตัวเองถูกฆ่าตาย ต่อหน้าต่อตา
จึงช็อคและจำความไม่ได้ หลวงพ่อ
กลัวว่าถ้าโจรพวกนั้นรู้ว่าขุนเดชยังมีชีวิตอยู่จะเป็นอันตรายจึงพาขุนเดชมา
กรุงเทพฯ แต่ขุนเดชยังมีจิตวิญญาณ ของคนศรีสัชนาลัย
เพียงแค่ภาพโบราณสถานของสุโขทัยจากในหนังสือ ขุนเดชก็สามารถจดจำรายละเอียด
ที่มาได้หมด หลวงพ่อสุขเอาไม้ตะพดมาให้อาจารย์
ประทีปดูเพื่อยืนยันว่าเป็นขุนเดช ลูกชายนายเดื่อง จริงๆ
หลวงพ่ออยากให้อาจารย์ประทีป รับปากว่าจะคืนไม้ตะพดอันนี้ให้ขุนเดช
ก็ต่อเมื่อจิตใจของขุนเดชนิ่งสงบพอ และรู้จักคำว่าอโหสิ
เพราะถ้าขุนเดชยังมีจิตที่ไม่นิ่ง
ไม้ตะพดก็จะไม่ต่างอะไรกับดาบในมือของทหารพระร่วง
ประดับตามมาหาดาราถึงที่โรงหล่อพระแต่ถูกเถินกับขุนเดชไล่ตะเพิดเพราะดันมา
ลองดีกับ เถิน นักเลงเก่า
ประดับเจ็บแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสียจึงใช้อิทธิพลของพ่อ
พาทหารบุกไปโรงหล่อพระ พยายามแจ้งข้อหาเท็จกับนายเถินว่าซ่องสุมอาวุธสงคราม
เพื่อเป็นประโยชน์ให้พวกกบฏ เถินปฏิเสธเสียงแข็ง
ว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และไม่สนใจการเมือง
ประดับจึงสั่งให้พรรคพวกบุกทุบทำลายพระพุทรูป ที่หล่อเสร็จ แล้ว
ต่อหน้าต่อตาดาราและนายเถินที่แทบหัวใจสลายที่เห็นพระพุทธรูปถูกทำลาย
ประดับเอาปืน
ที่นำมายัดไว้ในองค์พระเพื่อเป็นหลักฐานเล่นงานนายเถินให้ถูกจับกุม

ขุนเดชต้องพาดาราไปพักอยู่กับย้งเพื่อความปลอดภัย
ไม่ให้ถูกประดับตามมารังควาญอีก ย้งกับดารารู้สึกกลัวแววตาขุนเดชที่บอกว่า
จะจัดการทุกอย่างให้ เมื่อย้งถามว่า ขุนเดชคิดจะทำอะไร
ขุนเดชก็ไม่ปริปากพูดสักคำ ขุนเดชไปที่โรงหล่อ
พระที่เหลือแต่เศษซากของพระพุทธรูปที่ถูกทำลาย
เศียรพระที่ถูกทุบทำลายจนหลุด จากบ่า
ทำให้ภาพอดีตในวัยเด็กของขุนเดชผุดเข้ามาสร้างความเจ็บปวด ให้ขุนเดชอีก
แต่ขุนเดชยังไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นคืออะไรและเกี่ยวข้องกับตัวเองยังไง
ขุนเดชรู้ว่าดาบ ของลุงเถิน ที่เคยใช้เมื่อวัยหนุ่มเก็บซ่อนไว้ที่ไหน
ขุนเดชนำมันออกมาแล้วมุ่งหน้าไปหา ประดับที่กำลังดื่มกินอยู่ในบาร์
คืนนั้นเอง อาการอาพาธของหลวงพ่อสุขกำเริบหนัก หลวงพ่อถามหาขุนเดช
แต่ไม่มีใครรู้ว่า ขุนเดชอยู่ที่ไหน ไม้ตะพดของขุนเดชตกลงมาจากชั้นวาง
นิมิตรที่หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อ 10 ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง
เศษซากปรักหักพังของโบราณสถานถูกทำลาย
เศียรพระเป็นเพียงเครื่องประดับข้างฝาบ้าน ภาพพระพุทธองค์
กลายเป็นภาพประดับข้างฝาห้องน้ำของต่างชาติ หลวงพ่อสุขหายใจรวยริน
พูดเป็นคำสุดท้ายก่อนมรณภาพว่า " จากนี้ไปไม่มีใคร หยุดขุนเดชได้อีกแล้ว "
ขุนเดชควงดาบของลุงเถินบุกไปเล่นงานพวกประดับจนเกิดการต่อสู้โรมรันพันตู
แต่ด้วยดาบ เพียงเล่มเดียวขุนเดชเลยพลาดท่าถูกพวกประดับจับตัวได้
พวกมันซ้อมขุนเดช ทั้งเตะทั้งอัดจนสบักสะบอม
ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนทำร้าย กระตุ้น
ให้ภาพในอดีตของขุนเดชกลับคืนมาอีกครั้ง คราวนี้ขุนเดชเริ่ม
ประติประต่อเรื่องราว เมื่อ10 ปีที่ผ่านมาได้แล้วว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ขุนเดชจำได้ว่าเขาคือลูกชายนายเดื่อง ผู้ที่สาบานจะถวายชีวิตปกป้อง
สมบัติของพระร่วงไม่ให้ใครย่ำยี ขุนเดชเองก็สาบานกับพ่อว่าจะถวายชีวิต เป็น
ทหารของพระร่วงแห่งศรีสัชนาลัย พวกประดับเห็นขุนเดชนิ่งไปก็นึกว่าหมดสภาพ
แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้นมา
ด้วยแววตากราดเกรี้ยวน่ากลัวราวกับมีสัตว์ร้ายเข้ามาสิงสู่
ขุนเดชคว้าดาบได้และเกือบสังหาร ประดับด้วยการ บั่นคอ
แต่ขุนเดชก็หยุดชะงักเมื่อมีกลุ่มทหารเข้ามายุติการก่อเหตุ
ประดับนึกว่าคนของพ่อมาช่วย แต่เขาคิดผิด
ทหารที่บุกเข้ามายุติเหตุการณ์เป็นทหารฝ่ายปฏิวัติ เพราะเวลานี้รัฐบาลทหาร
(จอมพล ป.) ถูกคณะปฏิวัติ (จอมพลสฤษดิ์) เข้ายึดอำนาจ
หลังการเลือกตั้งสกปรก และรัฐบาลได้รับการคัดค้านจากประชาชน อย่างหนัก

ประดับและครอบครัวหลบหนีภัยการเมืองออกนอกประเทศ ลุงเถินถูกปล่อยตัว
ออกจากคุก ให้เป็นอิสระ
ส่วนขุนเดชกลับมาไม่ทันกราบหลวงพ่อสุขที่มรณภาพในคืนนั้น
ในงานศพของหลวงพ่อสุข ขุนเดชบอกอาจารย์ประทีปว่าตนเอง
จำความได้แล้วว่าเป็นลูกชายนายเดื่องที่หลวงพ่อช่วยชีวิตเอาไว้
เวลานี้เมื่อสิ้นบุญ
หลวงพ่อแล้วก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไปยังบ้านเกิดที่ศรีสัชนาลัย
แต่อาจารย์ประทีป ทักท้วงอยากให้ขุนเดชได้เรียนโบราณคดีต่อให้จบ
จะได้บรรจุเข้ารับราชการ ขุนเดช ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า
อยากจะสานต่องานที่พ่อทำ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนตาย
อาจารย์ประทีปไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของ
ขุนเดชจึงรับปากจะช่วยให้ขุนเดชทำงานขุดแต่งโบราณสถานที่ศรีสัชนาลับซึ่งขาด
คนอยู่ ขุนเดชกราบขอบคุณ อาจารย์ประทีปและพร้อมจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที
อาจารย์ประทีปตามไปที่กุฏิหลวงพ่อสุข ถามหา
ไม้ตะพดหัวเงินที่หลวงพ่อเก็บไว้
แต่ลูกศิษย์วัดบอกว่าขุนเดชเอาไม้ตะพดไปแล้ว อาจารย์ประทีปใจคอไม่ดี
เมื่อนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุขที่กำชับไว้ว่า "
อย่าคืนไม้ตะพดให้ขุนเดชจนกว่าจิตใจของขุนเดช นิ่งสงบพอและรู้จักคำว่าอโหสิ
ถ้าขุนเดชยังทำไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการคืนดาบให้กับทหารพระร่วง "
ขุนเดชจากไปอย่างเงียบๆ แม้แต่ย้งกับดาราก็ไม่รู้ว่าขุนเดชไปไหน
เพราะขุนเดชไม่ยอม บอกใครถึงอดีตของตัวเอง
คงมีแต่ลุงเถินที่ได้พบขุนเดชเป็นคนสุดท้าย
ขุนเดชเอาดาบลุงเถินที่ไปลับคมใหม่ มาคืน เพราะวันที่สู้กับประดับ
ขุนเดชใช้ดาบจนคมดาบบิ่น แต่ลุงเถินมอบให้กับขุนเดชเก็บเอาไว้ เตือนสติว่า "
ถึงดาบจะเป็นอาวุธที่อันตราย แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคมดาบ ก็คือใจ"
ขอให้ขุนเดชระลึกไว้ตลอดเวลา 10
ปีผ่านไป....ศรีสัชนาลัยงดงามและมีมนต์ขลังด้วยศิลปะโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า
ขุนเดช ทำงานเป็นหัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานให้กับอาจารย์ประทีป
และตั้งหน้าตั้งตาทำนุบำรุงโบราณสถาน ที่ตัวเองรักยิ่งชีวิต
หลังจากที่ขุนเดชทำงานเสร็จจึงมาเดินเที่ยวชมวัด และเข้าไปไหว้พระอจนะ
ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชุม ขณะกำลังไหว้พระเขาได้ยินเสียงเสี่ยงเซียมซี
จึงหันไปตามเสียงและได้พบบัวทอง (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เด็ก
สาวสวยวัยเพิ่งจะ 19 กำลังเขย่ากระบอกเซียมซีเสียงดัง
และอธิษฐานขอพรขมุบขมิบตามประสาเด็กวัยรุ่น ขุนเดชรู้สึกขำท่าทีของเด็กสาว
จึงแกล้งพูดแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู บัวทองไม่พอใจเดินหนีไป ขุนเดชเดินตาม
บัวทองจึงวิ่งไปหาแม่ ขุนเดชเห็นแม่บัวทองจึงจำได้ว่าเป็นน้าคำปัน
ที่เคยเลี้ยงดูขุนเดชตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่
ขุนเดชดีใจที่ได้เจอน้าคำปันอีกครั้ง
เพราะไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวที่พ่อถูกฆ่าตาย เมื่อ 20
ปีที่แล้วที่ได้กลับมาที่ศรีสัชนาลัยก็ได้
ข่าวว่าน้าคำปันกับจ่าแท่นพากันย้ายจากศรีสัชนาลัยไปตั้งรกรากที่อื่น
น้าคำปันกอดขุนเดชด้วยน้ำตาว่าเพิ่งจะรู้เรื่องขุนเดชเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง

เพราะตอนที่ย้ายจากศรีสัชนาลัยไปเป็นการย้ายเพราะกลัวพวกโจรที่ฆ่าพ่อขุนเดช
จะย้อนมาทำร้าย ส่วนจ่าแท่นก็โดนย้ายตามเจ้านาย
แต่ตอนนี้สามีของน้าคำปันเพิ่งเสียและจ่าแท่นก็เพิ่งจะได้ย้ายกลับมาที่ศรี
สัชนาลัยแล้ว น้าคำปันแนะนำให้ขุนเดชรู้จักกับบัวทองลูกสาวของน้าคำปัน
ขุนเดชยิ้มให้บัวทองอย่างเอ็นดูและชมว่าสวยเหมือนน้าสมัยสาวๆ
แต่บัวทองกลับแลบลิ้นใส่ขุนเดชเพราะรู้สึกหมั่นไส้ ที่ทำเป็นอวดเก่ง
อวดความรู้เรื่องโบราณสถานและทำมาเป็นสั่งสอน
คำปันต้องปรามลูกสาวที่แก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลก ขุนเดชไม่ติดใจอะไร
บอกเด็กก็คงเป็นเด็ก บัวทองสวนขุนเดชกลับทันทีว่าปีนี้ อายุ 19
ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว น้าคำปันอ่อนอกอ่อนใจฝากขุนเดชช่วยดูแลน้องด้วย
ขุนเดชรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ

ที่วัดพระพายหลวงสุโขทัย ขณะที่ขุนเดชแจกชะแลงและเครื่องมือให้คนงานอยู่
มีคนงานคนหนึ่งมีท่าทีแปลกๆ ชื่อ ไอ้เถร
พ่อแม่ฝากให้ทำงานกับขุนเดชเพราะยากจน
ขุนเดชจึงรับไว้เป็นคนงานขุดแต่งโบราณสถาน
ไอ้เถรมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยและชอบขโมยพระในกรุ
ตกกลางคืนเถรแอบใช้ชะแลงที่ขุนเดชแจกให้ทำงาน
เข้าไปขุดกรุขโมยพระไปขายให้กำนันบุญ รุ่งเช้าขุนเดชเจอร่อยรอยขโมยพระ
และเห็นรอยชะแลงที่หน้าดินซึ่งชะแลงแต่ละอันขุนเดชจะทำตำหนิไว้
ทำให้ขุนเดชรู้ว่าใครเป็นคนขุด
ตกดึกขุนเดชจึงลากตัวเถรและเอาชะแลงของเถรมาที่กรุพระ
แล้วให้เถรนำชะแลงไปเทียบกับรอยดินว่าเป็นชะแลงอันเดียวกันรึป่าว
แต่เถรขัดขืนจึงต่อสู้กัน
ขุนเดชใช้ไม้ตะพดหัวเงินตีจนเถรยอมเอาชะแลงไปเทียบกับรอยดิน
พบว่าเป็นรอยเดียวกัน เถรรีบปฏิเสธ แล้วบอกว่าอาจมีคนขโมยชะแลงไปทำผิด
ขุนเดชให้เถรเอามือล้วงไปในข้องปลา
พร้อมทั้งสาบานว่าหากเอามือล้วงไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นแสดงว่าไม่ได้ทำผิด
ในข้องนั้นขุนเดชแอบเอางูเห่าใส่ไว้ พอเถรล้วงลงไปจึงโดนงูกัด
แต่เถรแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขุนเดชจึงปล่อยไป
ระหว่างทางพิษงูออกฤทธิ์ เถรจึงเสียชีวิตเพราะพิษงู
รุ่งเช้าที่ร้านกาแฟคู่ผัวเมีย นายฮวดกับสาลี่ (ประภมภรณ์ รัตนภักดี) ประจำ
หมู่บ้าน พวกชาวบ้านโจษจันถึงเรื่องการตายของไอ้เถร นายฮวดถามจ่าแท่น
ลูกค้าประจำที่ชอบมาฟังชาวบ้านคุยกันว่าคิดยังไงกับการตายของไอ้เถร
ซึ่งขุนเดชนั่งฟังอยู่ จ่าแท่นบอกเพียงว่าเถรถูกงูเห่ากัดตาย
ขุนเดชบอกสมควรแล้วก่อนจ่ายเงินค่ากาแฟแล้วจะไปทำงาน
แต่จ่าแท่นรีบยืนทำความเคารพเจ้านายใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงพักศรีสัช
นาลัย จ่าแท่นแนะนำร.ต.ท.ยงยุทธ หรือหมวดยงยุทธให้ทุกคนได้รู้จัก
ขุนเดชกับหมวดยงยุทธพบหน้ากันก็จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนั่น
เอง วันคืนเก่าๆ
ของหมวดยงยุทธกับขุนเดชกลายเป็นเรื่องคุยกันที่บ้านพักของหมวดยงยุทธ
ขุนเดชถามหมวดถึงดาราเพราะไม่ได้ข่าวเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ศรีสัชนาลัย
ผู้หมวดหนักใจที่จะพูดถึงดารา
บอกเพียงว่าดาราเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะโบราณคดีอย่างที่ฝันไว้
และก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเพราะต้องย้ายไปทำงานหลายจังหวัด
ยงยุทธชวนขุนเดชคุยเรื่องการตายของไอ้เถร
เพราะสงสัยว่าไม่น่าจะเกิดจากงูกัดเสียชีวิตอย่างเดียว
เนื่องจากตอนไปชันสูตรศพเห็นรอยการถูกตีด้วยของแข็งตามร่างกาย
แต่ไม่รู้ว่าของแข็งนั้นคืออะไร
จ่าแทนสงสัยถามย้อนว่าหมวดคิดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม หมวดยงยุทธค่อนข้างแน่ใจ
แต่จ่าแท่นไม่คล้อยตามข้อสันนิษฐาน คิดว่าในศรีสัชนาลัยไม่มีฆาตกร
เพราะชื่อศรีสัชนาลัยหมายความว่าเป็นเมืองของคนดี ขุนเดชได้แต่ฟัง เงียบๆ
และมองหมวดยงยุทธเพื่อนเก่าด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความลับไว้
ต่อมาไม่นานมีคณะอาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากกรุงเทพฯ มาเรียนรู้และดูงาน
เกี่ยวกับเรื่องโบราณสถาน อาจารย์ประทีปแนะนำให้ขุนเดชรู้จักอาจารย์ดารา
เมื่อทั้งคู่ได้พบกันขุนเดชจึงนึกได้ว่าท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ ของหมวดยงยุทธ
มีความหมายแท้จริงก็คือ ทุกวันนี้หมวดยงยุทธยังตามจีบดาราอยู่
เพราะเป็นผู้ชายตรงๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น ทำให้ตลอด 10
ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเอาชนะใจดาราได้
เมื่อสบโอกาสรู้ว่าอาจารย์ดาราจะมาปักหลักทำงานที่ศรีสัชนาลัยจึงทำเรื่องขอ
ย้ายตามมา เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง ขุนเดชถามอาจารย์ดาราถึงลุงเถิน
ดาราบอกพ่อเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อน ขุนเดชเสียใจที่ไม่ได้ไปเคารพศพ
ดาราจึงชวนขุนเดชไปทำบุญ ทำสังฆทานให้พ่อ แต่ระหว่างที่ทำบุญที่วัด
อาจารย์ดาราเจอบัวทอง ดาราสังเกตเห็นท่าทีบัวทองที่สนิทสนมกับขุนเดช
ก็เดาออกว่าขุนเดชกับบัวทองน่าจะมีใจให้กัน
และทำใจยอมรับว่าขุนเดชไม่เคยมองเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง
อาจารย์ดาราจึงยับยั่งชั่งใจและเริ่มเปิดใจให้กับหมวดยงยุทธ ระหว่างนั้นกำนันบุญและลูกชายชื่อ สัมฤทธิ์ (พิชยดนย์ พึ่งพันธ์) ซึ่ง
มีนิสัยไม่ต่างจากพ่อทั้งขี้โกง เจ้าชู้
และชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณโดยเฉพาะพระเครื่อง พระผงที่อยู่ในกรุเจดีย์
สองพ่อลูกคิดแผนชั่วจะขโมยวัตถุโบราณและตัดเศียรพระ แต่หาคนฝีมือดีไม่ได้
เพราะลูกน้องที่ใช้ไปก็ถูกขุนเดชจัดการเกือบหมด จึงนึกถึงนายเปรื่อง อยุธยา
หรือฉายา เปรื่อง เสียงแปล่ง
โจรมืออาชีพลักลอบขุดเจาะขโมยพระทำมาทั่วทุกสารทิศ
เปรื่องเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ใหญ่ที่ร้านกาแฟนายฮวด
ขุนเดชสงสัยในตัวเปรื่อง จึงแอบตามไปพบเปรื่องกำลังขโมยตัดเศียรพระองค์ใหญ่
ขุนเดชจึงเข้าไปจัดการ ทั้งคู่ต่อสู้กัน เปรื่องล้มไปใส่องค์พระ
เศียรพระที่เปรื่องเจาะไว้จึงตกลงมาทับร่างเปรื่องเสียชีวิต

แต่กระนั้นโจรชั่วหนักแผ่นดินก็ยังไม่หมดไป ยังมีสองพ่อลูก ผู้ใหญ่น่วม
กับลูกชายชื่อ น้ำ ที่มีนิสัยนักเลงอันธพาล คบโจร โกงการพนัน ฉุดผู้หญิง
ชอบขโมยขุดพระขุดเจดีย์ รู้มาว่า เจดีย์บนเขามีสมบัติและกรุพระเก่าอยู่
จึงขึ้นเขาไประเบิดเจดีย์เพื่อขโมยพระในกรุ
แต่ก็ถูกขุนเดชตามฆ่าใช้ไม้ตะพดที่ทำขึ้นมาเลียนแบบเหมือนของพ่อ
แต่ถูกดัดแปลงซ่อนดาบของลุงเถินไว้ข้างใน
เพื่อใช้ต่อสู้กับพวกคนเลวทั้งสองคน
แล้วขุนเดชก็ใช้เชือกรัดคอน้ำโหนกับต้นไม้ตายแล้วนำศพมาประจาน
เหตุการณ์ของโจรขโมยพระถูกฆ่าตายหลายคน
ทำให้หมวดยงยุทธสงสัยและเริ่มสืบหาฝีมือของฆาตกรรายนี้
แต่หมวดยงยุทธก็จนปัญญา
จนเมื่อผลการพิสูจน์หลักฐานแน่ชัดว่าของแข็งที่ใช้ทำร้ายพวกคนร้ายมีลักษณะ
ตรงกับไม้ตะพดของขุนเดช หมวดยงยุทธจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือของขุนเดช
ซึ่งตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์พวกโจรใจบาป โดยไม่สนใจกฎหมาย
ทำให้หมวดยงยุทธไม่พอใจและคอยจับผิด
หมวดยงยุทธพูดให้จ่าแท่นเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือขุนเดช
และกล่าวว่าขุนเดชเป็นวีรบุรุษบาป
ให้จ่าแท่นช่วยหาหลักฐานมัดตัวขุนเดชแม้ว่าขุนเดชจะเป็นเพื่อนเก่าแก่
แต่กฏหมายก็ต้องศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในมือผู้พิทักสันติราษฎร์
หลังจากกำนันบุญทำงานไม่สำเร็จ
ไม่มีสมบัติโบราณส่งไปให้ตามใบสั่งจากกรุงเทพฯ เพราะถูกขัดขวางจากขุนเดช
ทำให้ ท่านรัฐมนตรีปราชญ์ ผู้ชื่นชอบในวัตถุโบราณ
และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใบสั่งที่ส่งไปให้กำนันบุญจัดหามาให้เริ่มไม่พอใจ
แต่ด้วยความที่เป็นถึงรัฐมนตรีจึงไม่สามารถออกหน้าได้
รัฐมนตรีปราชญ์จึงเรียกประดับ
ทนายความและเลขาประจำตัวมาจัดการทุกอย่างให้ได้ตามประสงค์ เมื่อ 10
ปีที่แล้วหลังจากที่ประดับหนีภัยการเมืองไปอยู่เมืองนอก
ประดับเรียนจบกฏหมาย กลับมาทำงานเป็นทนายและเลขาส่วนตัวให้ท่านรัฐมนตรี
เพราะมีจุดประสงค์ที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง
หลังจากที่พ่อต้องตายอยู่ที่เมืองนอก ประดับจึงยอมให้ท่านรัฐมนตรีโขกสับ
โดยในระหว่างนั้นก็วางแผนตีสนิทกับปารมี (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ลูก
สาวคนสวยวัยเพียง 16
ของท่านรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นสะพานให้ตัวเองยกฐานะเป็นลูกเขย
ซึ่งแผนการของประดับก็ดูสดใส เพราะปารมีเป็นเด็กแก่แดด ชอบช้อบปิ้ง
และชอบหนุ่มหล่อ ซึ่งประดับก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว
แต่ประดับต้องทำอย่างลับๆไม่ให้ท่านรัฐมนตรีรู้
ท่านรัฐมนตรีมีใบสั่งให้ประดับไปจัดการหามาให้ได้ ประดับรู้จักแจ็ค
ฝรั่งพูดไทยคล่อง พ่อค้าวัตถุโบราณที่กรุงเทพฯ
เดินทางมาขโมยวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยให้กำนันบุญคอยช่วยเหลือ
แจ๊คระเบิดเจดีย์ แล้วใช้รถพังวัตถุโบราณต่างๆ เป็นหน้ากอง
โดยไม่กลัวความผิด เพราะถือว่ามีเส้นใหญ่เป็นถึงรัฐมนตรี
ขุนเดชรู้เรื่องจึงไปจัดการฆ่า โดยการแขวนคอแจ๊คหน้าเจดีย์
การตายของแจ็คทำให้ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกไปด่า
ประดับต้องอาศัยอำนาจท่านรัฐมนตรีกดดันตำรวจในพื้นที่ให้เร่งมือจัดการตาม
ล่าตัวฆาตกรที่ลอยนวลอยู่นั่นเอง ที่ทำให้ประดับได้เจอกับหมวดยงยุทธ ดารา
และขุนเดช ประดับแสดงท่าทางเจ้าชู้กับดาราเหมือนเมื่อก่อน
แต่คราวนี้ประดับโดนหมวดยงยุทธขู่จะเล่นงาน ถ้ามายุ่งกับดาราอีก
ประดับเลยขู่กลับว่าจะอยู่ในหน้าที่ตำรวจอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่เขามีอำนาจ
ทั้งสามต้องโดนแก้แค้นชนิดหาแผ่นดินยืนไม่มี
แต่ประดับก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะท่านรัฐมนตรีเรียกกลับด่วน
ซึ่งเรื่องด่วนนั่นก็คือท่านรัฐมนตรีจับได้ว่าประดับกับปารมีแอบลักลอบมี
ความสัมพันธ์กันจนปารมีตั้งท้อง
ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกคนมาซ้อมเพราะไม่พอใจ
แต่ท่านรัฐมนตรีก็ไม่กล้าเอาเรื่องประดับถึงโรงพักฐานพรากผู้เยาว์
เพราะกลัวเป็นข่าวฉาวโฉ่ ปารมีก็มาอ้อนวอนพ่อขอร้องให้ไว้ชีวิตประดับ
เพราะรักกันจริงๆ และให้เห็นแก่ลูกในท้อง
ท่านรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้จำเป็นต้องเลื่อนฐานะประดับให้ขึ้นมาเป็นลูกเขย
ซึ่งก็สมใจประดับทันที
กำนันบุญเริ่มหงุดหงิดหัวเสียไม่รู้จะไปพึ่งใครให้ทำงานให้ ทำให้รู้สึกขวางหูขวางตา ลงไม้ลงมือกับทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ รำพัน (ปริษา ทนาวิวัฒน์) เมีย
ใหม่ของกำนันและเป็นแม่เลี้ยงของสัมฤทธิ์ ก็โดนกำนันตบตีระบายอารมณ์
เพียงเพราะรำพันปล่อยให้ทิพย์ ลูกสาววัย 12
ที่เกิดกับกำนันบุญซึ่งเป็นปัญญาอ่อนชอบฟ้อนรำรบกวนอารมณ์กำนัน
จนกำนันคิดจะส่งทิพย์ให้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า
แต่รำพันก็อ้อนวอนขอเลี้ยงไว้เพราะยังไงก็ลูก
กำนันบุญนึกถึงเสือแชน ลูกน้องเก่าซึ่งเมื่อ 20
ปีที่แล้วเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อของขุนเดชให้กลับมาช่วยงานขโมยพระ
เสือแชนไม่ชอบสะสมวัตถุโบราณ แต่ชอบสะสมอาวุธโบราณ เช่น มีด หอก ดาบ
เมื่อตำรวจสืบทราบจึงส่งสายตำรวจชื่อ
นายเหลืองไปตีสนิทโดยเอาดาบโบราณให้เสือแชนเพื่อสร้างความไว้วางใจ
เหลืองบอกเสือแชนว่ายังมีอีกเยอะ เพราะรู้แหล่งที่ฝั่งสมบัติอยู่ในถ้ำบนเขา
เสือแชนหลงกลเชื่อจึงตามเหลืองขึ้นไปในถ้ำ เมื่อสบโอกาส
เหลืองผลักเสือแชนตกลงไปก้นถ้ำ
แล้วออกมาตามหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นซึ่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอจับ
แต่ระหว่างนั้นขุนเดชซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้โอกาสล้างแค้นให้พ่อ
โดยปล่อยงูจงอางกัดเสือแชนแล้วใช้คมดาบฟันคอเสือแชนหลุดจากบ่า
ตำรวจเข้ามาเจอแต่สภาพศพของเสือแชนที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ
สร้างความสงสัยให้หมวดยงยุทธ ว่าต้องเป็นฝีมือของขุนเดชแน่ๆ
การตายของเสือแชนทำให้กำนันบุญแค้นใจมากสั่งคนไปลอบยิงขุนเดชขณะกำลังตกแต่ง
เจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์
ขุนเดชร่วงลงจากยอดเจดีย์แต่รอดตายเพราะตกลงมาในดงต้นพุทธรักษา
ในขณะที่ขุนเดชถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นก็มาตรวจที่เกิดเหตุ
จ่าแท่นเจอไม้ตะพดของขุนเดชตกอยู่จึงหยิบขึ้นมาดูพอขยับออกมาพบว่าข้างในถูก
ดัดแปลงเป็นดาบ จ่าแท่นตกใจมากหรือว่าที่หมวดยงยุทธสงสัยจะเป็นเรื่องจริง
แต่พอหมวดยงยุทธเดินมา
จ่าแท่นรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ่าแท่นรีบตามไปที่
โรงพยาบาลแล้วฝ&




ผู้จัดละคร : พอดีคำ จำกัดผู้กำกับ : สยาม น่วมเศรษฐีบทประพันธ์ : สุจิตต์ วงศ์เทศบทละคร : ศุภชัย สิทธิอำพรพรรณนักแสดงนำ : วีรภาพ สุภาพไพบูลย์, อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล, ศุกลวัฒน์ คณารศ, ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์, อคัมย์สิริ สุวรรณศุข, วันชัย เผ่าวิบูลย์, วินัย ไกลบุตร, รชยา รักกสิกรณ์, สุรวุฑ ไหมกัน, พิชยดนย์ พึ่งพันธ์, อุษณีย์ วัฒฐานะ, ภารดี อยู่ผาสุข
ขุนเดช (ปี55) 6 Dvd โดย วีรภาพ , อัษฎาพร ,เวียร์ , จั๊กจั่น
เงื่อนไขอื่นๆ
Tags

วิธีการชำระเงิน

ร้านค้านี้ยังไม่ได้กำหนดวิธีการชำระเงิน กรุณา ติดต่อกับทางร้าน เกี่ยวกับรายละเอียดในการชำระเงิน
ทางร้านยังไม่ได้ทำการเพิ่มบัญชีรับเงิน กรุณาติดต่อ เจ้าของร้าน
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านorange-shop2
orange-shop2
ขายแผ่น
เบอร์โทร : 0628022626
อีเมล : orangeshop2@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม