จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | DVDไทย |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
คุณชาย ออกอากาศปี 2542 บทประพันธ์ ว. วินิจฉัยกุลบทโทรทัศน์ คฑาหัสต์ บุษปะเกศ เพ็ญสิริ เศวตวิหารีกำกับการแสดง นพพล โกมารชุนนักแสดงอัษฎา พานิชกุลบัวชมพู ฟอร์ดศิววงศ์ ปิยะเกศินนพพล โกมารชุนเกรียงไกร อุณหะนันท์กาญจนาพร ปลอดภัย โด่ง เด็กหนุ่มผู้ยากจนอาศัยอยู่กับยายในกระท่อมเก่าๆปลายสวน เมื่อยายตายไป โด่งก็ไร้ที่พึ่งพิง ตาแหยม ชายจรจัดหลักลอยขี้เหล้าประจำหมู่บ้าน เป็นคนพาโด่งไปฝากที่บ้าน คุณมหา และสุภา สองสามีภรรยาผู้อารี แต่เต้ย ลูกชายของคุณมหาเกลียดชังและอิจฉาโด่งที่ได้รับคำชมเชย เป็นตัวเปรียบเทียบกับเขาเสมอ เพราะความขยันขันแข็งของโด่งที่ตาแหยมสั่งสอนไว้ ทำให้คุณมหาเอ็นดูโด่ง เต้ยกลั่นแกล้งโด่งสารพัด จนโด่งเกือบสิ้นความอดทน โด่งรู้สึกเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้เจอกับ รวงข้าว เด็กสาวที่มาจากครอบครัวแตกแยก มีเพียงคุณย่า คุณหญิงละม้ายทิพย์ ที่ห่วงใยหลานสาว โด่งรู้สึกเหมือนพบเพื่อนที่หัวใจอ้างว้างเหมือนกัน ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น ในขณะที่เต้ยเองก็ชอบพอกับ โบ ญาติของรวงข้าว เต้ยคบกับโบและปิดบังฐานะทางบ้านที่พอมีพอกิน ต่างจากโด่งที่เปิดเผยเรื่องทุกอย่างให้รวงข้าวรู้ ตาแหยมพร่ำสอนและเตือนโด่งให้รู้อะไรควร ไม่ควร อย่ารักจนลืมตั้งสติ โด่งไม่เข้าใจว่าทำไมตาแหยมถึงเจ้ากี้เจ้าการกับตัวเองมากนัก แต่ไม่มี คำอธิบายจากปากชายชรา ซึ่งทุกคนมองว่าเพี้ยน เต้ยได้รับเลือกเป็นเยาวชนดีเด่น มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บ้าน พงพงาพบโด่งและสะดุดตาในความอ่อนน้อมและขยัน ต่างจากเต้ยอย่างสิ้นเชิง พงพงา เขียนข่าวตามความจริง จนทำให้เต้ยพลาดตำแหน่งเต้ยโทษว่าเป็นความผิดของโด่ง และอาละวาด จนโด่งต้องหนีออกจากบ้านคุณมหา ไปอาศัยกระท่อมท้ายสวนของตาแหยมโด่งนึกน้อยใจในโชคชะตา มีเพียงตาแหยมที่บอกให้โด่งอดทน และทำดีเพื่อเป็นเกราะคุ้มกันชีวิตในภายภาคหน้า รวงข้าวถูกหลอกจาก ชัชพร ว่าที่อาเขย ไปถ่ายแบบและข่มขืน โด่งตามไปช่วย จนได้รับบาดเจ็บ เรื่องราวลุกลามจน ตาแหยมต้องเข้ายื่นมือช่วยเหลือโด่ง สุดท้ายความจริงที่ปกปิดมานานก็ถูกเปิดเผยว่า ตาแหยมคือ ม.ร.ว.ทินภาค ที่ถูกตัดออกจากตระกูลเพราะคบหากับนักเลงด้วยความคึกคะนองในวัยหนุ่ม แต่ตาแหยมไม่มีโอกาสได้กลับคืนสู่ฐานะที่แท้จริงเพราะสละชีวิตช่วยโด่ง จนเจ็บหนัก และขาดใจตายในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยทอดทิ้งตาแหยมไปไหน ครอบครัวของ ตาแหยมซึ้งในน้ำใจที่โด่งดูแลตาแหยมมาตลอด จึงรับโด่งเข้าไปอยู่ในวัง โด่งพลิกชีวิตจากเด็กไร้ญาติขาดมิตร มาสู่ชีวิตคุณชาย ต่างจากเต้ยที่ตกต่ำลงด้วยความริษยาในใจตัวเอง โด่งกับรวงข้าวสัญญากันว่าจะเรียนหนังสือให้จบก่อนคิดเรื่องอนาคต ตามคำสอนของตาแหยม โด่งคือตัวอย่างสอนใจให้ทุกคนรู้ว่าชาติตระกูลมิได้แสดงความเป็นคน ได้มากไปกว่าความดีของคนๆนั้นที่กระทำมาตลอดชีวิต...................
ช่วงนี้มีโอกาสดูโทรทัศน์ตอนค่ำ ๆ มากหน่อย เห็นการเปลี่ยนแปลงของละครที่นำเสนอหลังข่าว มีทั้งทึ่งและสนเท่ห์ ที่ว่าทึ่งเมื่อก่อนช่องเจ็ดเน้นรายการละครที่ปัญญาชนเรียกว่า "น้ำเน่า" ฉายหลายเดือนกว่าจะจบ เนื้อเรื่องก็วนไปวนมา ช่วนวิงเวียนศีรษะ ส่วนช่องสามเน้นละครที่เดินเรื่องเร็ว เนื้อเรื่องสั้นกระชับ เน้นฉากการถ่ายทำ ไม่นานเรทติ้งช่องสามช่วงหลังข่าวก็วิ่งพุ่งไล่จี้ช่องเจ็ด ส่วนที่ว่าน่าสนเท่ห์เพราะพอช่องเจ็ดรู้ตัวเรทติ้งเริ่มตก ก็เริ่มปรับปรุงรายการละครยกใหญ่ ปรับตัวลงทุนด้านเนื้อหา มีการถ่ายทำทำนองเน้นฟอร์มโตเหมือนหนัง คือให้หวือหวา ละครสั้นลงเหลือประมาณยี่สิบตอนจบ ส่วนช่องสามกลับทำละครด้วยมุขเดิม ๆ เน้นมุขตลกปัญญาชน หรือไม่ก็ซาดิสต์ไปเลย สถานการณ์ก็กลับมาเป็นช่องเจ็ดเริ่มมีคนเฝ้าชมกระเตื้องขึ้น นับเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสี แต่ดูไปดูมา รู้สึกวนไปเวียนมาอย่างไรพิกลอยู่ ที่ร่ายมาเพราะต้องการให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของละครหลังข่าวที่เป็นคู่กัดนิรันด์กาล แต่ที่ต้องการนำเสนอเนื้อหาในฉบับนี้ เป็นละครเนื้อหาที่เข้มข้นเรื่องหนึ่งเรื่อง "คุณชาย" ที่เสนอแพร่ภาพมาประมาณเดือนได้แล้ว ช่วงเย็นศุกร์, เสาร์, อาทิตย์ เขียนโดยคุณ ว.ญ.ประมวลมารค เนื้อหาเน้นวรรณชนชั้นของสังคมระหว่างกลุ่มคนรวยและกลุ่มคนจน แม้เนื้อหาจะดูโลดโผนเกินความจริงของสังคม และเหตุผลที่นำเสนอรองรับอารมณ์ตัวละครถูกบั่นทอนไป จนหาความสมจริงที่เข้ากับชีวิตไม่ได้ แต่สาระสำคัญของวันนี้อยากนำเสนอมุมมองของตัวละครบางตัว ที่สามารถสะท้อนสัจจธรรมบางอย่างของสังคมไทยช่วงนี้ได้ดี ตัวละครเอกในเรื่องเป็นเด็กหนุ่มสองคน คนหนึ่งชื่อเต้ย อีกคนหนึ่งชื่อโด่ง โด่งเป็นเด็กกำพร้าอยู่ตัวคนเดียว ตาแหยมที่เป็นขี้เมาประจำวัดต้องนำไปฝากให้คุณมหาที่มีฐานะในหมู่บ้านนั้นเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ ช่วยงานบ้านและใช้ชีวิตอย่างเจียมตัว แต่ได้ข้อคิดดี ๆ จากคุณมหาไปดำเนินชีวิตตัวเองไม่น้อย ตรงกันข้ามกับเต้ยที่ถูกเลี้ยงดูอย่างเอาใจ อยู่ในกรอบของเด็กเรียนเก่ง ทำกิจกรรมเยี่ยม แต่พื้นฐานความคิดรองรับอยู่ที่ตัวเอง เน้นตนเองเป็นศูนย์กลาง ใช้เป็นมาตรฐานในการวัดคนอื่นในสังคม ช่วงที่ผมชมแล้วรู้สึกสะเทือนใจ และตระหนักต่อความจริงบางอย่างของสังคมไทยคือ ช่วงที่เต้ยไปประกวด "นักศึกษาดีเด่น" ของนิตยสารแห่งหนึ่ง แล้วถูกตัดสินคัดออก เพราะความคิดที่เห็นแก่ตัวของตนเอง แต่คำพูดของตัวละครที่เป็นแม่และเต้ยที่สะท้อนว่า "คนดี คือที่เก่งเรียน เก่งกิจกรรม" ก็พอแล้ว ซึ่งเป็นคนละเกณฑ์ที่ทางกองประกวดใช้ตัดสิน "ความดี" ซึ่งเน้น "การช่วยเหลือคนรอบข้าง อาทรต่อสังคม" มันเสมือนภาพดำขาวที่ตัดกัน และนั่นสะท้อนความจริงบางส่วนของสังคมการศึกษาของเมืองไทยปัจจุบัน ทุกวันนี้ พ่อแม่นิยมให้ลูกเรียนกวดวิชา เรียนวิชาเสริม ให้เป็นคนเก่ง เพื่อรองรับวิถีชีวิตที่แข่งขัน เร่งรีบในสังคม จนเด็กเก่งกับเด็กดีคือเกณฑ์เดียวกัน ทั้งที่คนดีและคนเก่ง ใช้เกณฑ์มาตรฐานคนละตัวในการวัด คนเก่งอาจจะไม่เคยคำนึงถึงคนรอบข้าง แต่เห่อตัวตนของตัวเอง นำไปสู่กิจกรรมที่เน้นตัวเองเป็นใหญ่ เช่นการประกวดของหนุ่มสาวบนเวทีต่าง ๆ, ถ่ายรูปลงหน้าปกนิตยสาร, หรือแม้แต่ถ่ายรูปตู้สติกเกอร์ มันเป็นการรองรับตัวเอง "My Self" แต่ละเลยกิจกรรมเพื่อสังคมหรือการแลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกันโดยการจับกลุ่มถกหาสัจธรรม ดังนั้นการเข้าสนับสนุนกิจกรรมสังคมของคนด้อยโอกาสกว่า จึงถูกละเลยจากกลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่ของไทยปัจจุบัน บางครั้งกิจกรรมที่อาสาช่วยเหลือคนด้อยโอกาส เปิดรับสมัครแทบตายมีคนมาสมัครเพียงแค่สามสิบกว่าคน ต่างจากการประกวดหนุ่มหล่อสาวสวย คนเข้าประกวดตรึม ดังนั้นละครที่เนื้อหาน้ำเน่าบางครั้งก็ตีเข้าเสกหน้าอย่างจัง ต่อสังคมที่คนดูสังกัดอยู่จนออกอาการมึนงงได้เหมือนกัน ละครเรื่องนี้แม้จะออกกลิ่นเน่าบ้าง แต่เนื้อหาที่นำเสนอยังร่วมสมัยกับความจริงของสังคม และนี่มันสะท้อนความจริงบางอย่างของกลไกสังคมไทยที่พิกลพิการนี่ได้ดี ที่เขียนวันนี้ไม่ใช่ต้องการชวนให้ดูละครเรื่องนี้ หรือถ้าจะติดตามดูบ้างก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องการปลุกระดมสังคมให้ตื่นขึ้นมา พัฒนามาตรฐานร่วม "คนดี คนเก่ง คนกล้า" ให้เห็นออกมา เพื่อเป็นตัวอย่างให้เยาวชนไทยในการเอาเยี่ยง และชี้นำสังคม เหมือนปูชนียบุคคลท่านหนึ่งของไทย ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ตั้งมั่นแน่วแน่เสียสละตัวเองให้กับบ้านเกิดเมืองนอนโดยไม่หวังผลตอบแทน เป็นคนกล้า คนดี คนเก่ง ของสังคมไทย ทิ้งมรดกความคิดและจริยวัตรของการดำรงชีวิตให้สังคมไทยได้เรียนรู้ชั่วชีวิตขัยของท่าน และนี่ล่ะมาตรฐานของ "คนดี คนเก่ง คนกล้า" ที่อนุชนรุ่นหลังควรเอาเยี่ยงอย่าง ร่วมอาลัยถึงอาจารย์ป๋วย "กู ชายชายชาติเชื้อ ชาตรี กู เกิดมาก็ที หนึ่งเฮ้ย กู คาดก่อนสิ้นชี- วาอาตม์ กู จักไว้ลายเว้ย โลกให้แลเห็น" ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |