จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ไม่จำกัด ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | DVDการ์ตูน |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
ภาพยนตร์แอนิเมชั่น พระมหาชนก
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องพระมหาชนก เป็นการอันเชิญเอาบทพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มาผลิตการ์ตูนในรูปแบบ 3มิติ (3D-animation) โดยมีเป้าหมายที่ต้องการกระจายคำสอนและปรัชญาไปสู่ประชาชนทั่วๆไป นอกเหนือจาก 2เรื่องหลักที่สามารถสัมผัสได้โดยตรง คือ เรื่องของความเพียรที่บริสุทธิ์ และการศึกษาที่นำมาถึงสติปัญญาที่เฉียบแหลม ยังมีอีกหลาย นักแสดง สุเชาว์ พงษ์วิไล (เสียงพากย์), นนทรีย์ นิมิบุตร (เสียงพากย์), ฉัตรชัย เปล่งพานิช (เสียงพากย์), สินจัย เปล่งพานิช (เสียงพากย์), อรรถพร ธีมากร (เสียงพากย์), มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล (เสียงพากย์), นิวัติ กองเพียร (เสียงพากย์), ปริทัศน์ กองเพียร (เสียงพากย์), คมสัน นันทจิต (เสียงพากย์), ณมญชุ์ พงษ์วิไล (เสียงพากย์) ประเภท การ์ตูน, แอนิเมชั่น, แอ็คชั่น, ผจญภัย, แฟนตาซี, คอเมดี้ ประเภท อนิเมชั่น สถานี สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ เมื่อครั้งวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ในปี พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดพิมพ์บทพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก ในรูปแบบของการ์ตูน โดยมี ชัย ราชวัตร ศิลปินผู้ชำนาญการเป็นผู้วาดภาพการ์ตูนประกอบ และครั้งนี้บทพระราชนิพนธ์ พระมหาชนก จะกลับมาในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่น โดยมีบริษัทผู้ผลิตแอนิเมชั่นเข้าร่วมกว่า 15 ราย และได้ศิลปิน นักวาด นักพัฒนาภาพเคลื่อนไหว ผู้ชำนาญการด้านแสงและเงา ผู้ชำนาญการด้านแอนิเมชั่น กว่า 250 คน มาช่วยกันสร้างสรรค์ภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยแบ่งมีเรื่องราวแบ่งออกเป็น 3 องก์ ได้แก่ องก์ ๑ กำเนิด พระเจ้ามหาชนกฯ ผู้ครองกรุงมิถิลาแห่งแคว้นวิเทหะที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล ทรงมีพระโอรส 2 พระองค์ พระองค์แรกทรงมีพระนามว่า พระอริฏฐชนกผู้ทรงมีความเข็มแข็งเฉียบขาด ส่วนองค์ที่สองทรงพระนามว่าพระโปลชนก ผู้ทรงมีพระทัยเมตตาโอบอ้อมอารีครั้นพระเจ้ามหาชนกฯ ทรงสวรรคต พระอริฏฐชนก ทรงขึ้นครองราชย์ โดยมีพระโปลชนกเป็นอุปราช ทั้ง 2 พระองค์มีความคิดเห็นในการปกครองที่แตกต่างกัน พระอริฏฐชนกทรงเห็นว่าอาณาจักรมิถิลาจะต้องยิ่งใหญ่ภายใต้กองทัพที่เข้มแข็ง ส่วนพระโปลชนกทรงเห็นว่าต้องไม่ลืมจิตใจที่เปี่ยมสุขของประชาชนด้วย ในเวลาต่อมามีอำมาตย์ผู้ใกล้ชิดที่ทุตจริตได้ออกอุบายใส่ความว่าพระโปลชนกกำลังซ่องสุมผู้คนเพื่อก่อการกบฎ พระองค์จึงถูกจับไปขังไว้ แต่พระองค์ทรงตั้งจิตอธิฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนสามารถหลบหนีออกมาพร้อมผู้จงรักภักดีและได้ไปพำนักอยู่ ณ เมืองชายแดน จนกระทั่งวันหนึ่ง พระโปลชนกได้นำทัพกลับมามิถิลาเพื่อหวังจะขอปรับความเข้าใจกับพระอริฏฐชนก จึงส่งสาส์นเพื่อแสดงเจตนาขอปรับความเข้าใจกัน แต่ถูกขัดขวางจากอำมาตย์ผู้นั้นด้วยการปลอมแปลงข้อความในสาส์นให้เป็นสาส์นท้ารบ ขณะเดียวกันพระอริฏฐชนทรงเป็นห่วงพระเทวี มเหสีของพระองค์ที่กำลังทรงครรภ์อยู่ จึงได้ให้หลบหนีออกไปจากวังเสีย ในสนามรบพระอริฏฐชนกทรงสิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากฝีมือของอำมาตย์ผู้นั้น หลังจากนั้นพระโปลชนกจึงทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน พระเทวีทรงหนีออกจากเมืองมิถิลาอย่างยากลำบาก แต่ด้วยบุญญาธิการของพระโอรสในครรภ์จึงทำให้ทรงได้รับความช่วยเหลือจากท้าวสักกเทวราชที่ช่วยให้พระองค์สามารถหลบหนีไปถึงเมืองจัมปากะได้ ณ ที่นี้พระเทวีได้ทรงรับความช่วยเหลือจากอุทิจจพราหมณ์ โดยอุปการะรับพระเทวีเป็นน้องสาว ต่อมาพระโอรสในครรภ์ทรงประสูติกาล โดยมีพระนามตามพระอัยยิกาว่า พระมหาชนกกุมาร องก์ ๒ ความเพียร เมื่อพระโอรสทรงเจริญวัยได้ถูกเพื่อนๆ ล้อว่าเป็นลูกหญิงหม้ายพระมารดา จึงเล่าความจริงให้ทราบว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์จึงตั้งพระทัยว่าเมื่อเติบใหญ่แล้ว จะไปเอาราชสมบัติและนครมิถิลาคืนมาให้ได้ ครั้นเมื่อพระมหาชนกกุมารทรงเจริญวัยเติบใหญ่เปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ พระองค์ทรงตรัสกับพระมารดาว่าจะไปล่องเรือทำการค้าขายที่ดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อสะสมทุนรอนและกำลังพลเพื่อหวังที่จะชิงราชสมบัติคืนมาให้ได้ ระหว่างทางในมหาสมุทรพระมหาชนกได้มองเห็นว่าจะเกิดพายุขึ้น แต่ไม่มีใครเชื่อจนกระทั่งพายุกระหนำเรืออย่างรุนแรง บรรดาลูกเรือทั้งหลายหวาดกลัวครำครวญหนีตายกันอย่างโกลาหล ตรงกันข้ามกับพระมหาชนกที่ทรงตระหนักว่าเรือใกล้จะแตกเต็มที จึงเตรียมพระองค์โดยทรงเสวยให้อิ่ม และนำผ้าชุบน้ำมันมาพันกายให้แน่นหนา เมื่อเรือล่มเหล่าบรรดาลูกเรือที่ขาดสติและเดิมไม่เชื่อในสิ่งที่พระมหาชนกได้เตือนเกี่ยวกับพายุ ได้ตกน้ำกลายเป็นอาหารของฝูงปลาและสัตว์ทะเลทั้งหลาย ส่วนพระมหาชนกก็ทรงแหวกว่ายด้วยความเพียรอยู่ในมหาสมุทรนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน 7 คืน นางมณีเมขลาเทพธิดาผู้รักษาท้องมหาสมุทรเห็นพระมหาชนกว่ายน้ำอยู่จึงลงมาช่วยพระมหาชนก และได้มีโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความเห็น จนทำให้นางมณีเมขลาเข้าใจถึงหลักปรัชญาของการบำเพ็ญวิริยบารมีของพระมหาชนก จากนั้นนางมณีเมขลาจึงช่วยอุ้มพระมหาชนกจนมาถึงฝั่งเมืองมิถิลา องก์ ๓ ปัญญา ที่เมืองมิถิลานี้พระโปลชนกกำลังทรงพระประชวรอย่างหนัก พระองค์ต้องการให้พระธิดาคือพระนางสิวลีเทวีได้ทรงมีคู่ครอง โดยได้ทรงตรัสทิ้งไว้ก่อนสิ้นพระชนม์ว่า ผู้ใดไขปริศนาของพระองค์ได้ จะทรงยกพระราชสมบัติทั้งหมดให้พร้อมด้วยพระราชธิดา เมื่อพระโปลชนกสิ้นพระชนม์ลงเหล่าอำมาตย์ได้จัดพิธีเสี่ยงราชรถเพื่อหาผู้มีบุญญาบารมีมาไขปริศนานั้น ราชรถได้มาหยุดที่พระมหาชนกผู้ซึ่งทรงบรรทมอยู่ในสวนพระองค์ทรงไขปริศนาได้หมดทุกข้อ ทุกคนในเมืองมิถิลาต่างพากันสรรเสริญ ในพระปรีชาสามารถของพระองค์ จึงได้อัญเชิญพระองค์ให้ทรงอภิเษกกับพระนางสิวลีเทวี เมื่อขึ้นครองราชย์ได้ทรงปกครองด้วยหลักทศพิธราชธรรม และนำพาความผาสุกมาสู่ปวงประชาชน วันหนึ่งพระมหาชนกเสด็จประพาสอุทยานและทรงทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงต้นหนึ่งมีผลงามและอีกต้นหนึ่งไม่มีผลเลย พระองค์ทรงเสวยมะม่วง และตรัสว่ามะม่วงรสชาติดีดุจรสทิพย์ หลังจากพระองค์เสด็จกลับบรรดาประชาชนทั้งหลายก็เข้ามาโค่นต้นมะม่วงต้นนั้นเพื่อหวังจะเอาผลของมันมาบริโภค จนเป็นเหตุทำให้ต้นมะม่วงต้นนั้นถูกถอนรากโค่นลงมา เมื่อพระมหาชนกทรงทราบความ ทรงเศร้าพระทัยอย่างยิ่ง พร้อมกันนั้นทรงได้เปรียบเปรยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แก่ต้นมะม่วงกับพระราชสมบัติดังนี้ ต้นมะม่วงที่มีผลอาจจะถูกทำลายหรือถ้าไม่ถูกทำลายก็ต้องคอยเป็นกังวลจักต้องดูแลระแวดระวังรักษาไว้ ในทางกลับกันพระองค์ทรงคิดว่าถ้าจะเข้าถึงความสุขได้นั้นจักต้องทำตัวให้เป็นเสมือนเช่นต้นมะม่วงที่ไม่มีผล ที่ไม่ต้องกังวลว่าผู้คนในสังคมที่ไม่รู้จักคิดการณ์ไกล ในการทำนุบำรุงต้นไม้เพื่อเก็บผลไว้กิ ในวันหน้า จะมาโค่นต้นมะม่วงนี้ได้ หลังจากนั้นจึงมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญนำหลักการของพระองค์ไปทดลองเพื่อฟื้นฟูต้นมะม่วงที่ถูกโค่นลง และหาวิธีการที่ทำให้ต้นมะม่วงที่ไร้ผลกลับมาเกิดผล พร้อมกันนั้นพระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นชื่อว่าปูทะเลย์วิชชาลัย เพื่ออบรมวิชาการด้านต่างๆ แก่บรรดาเหล่าอำมาตย์ข้าราชการและประชาชนในเมืองมิถิลา เพื่อที่ทุกคนจะได้มีวิชาความรู้ทั่วไปและมีสามัญสำนึกไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวแฉกเช่นเหล่าคนที่ชอบกินผลมะม่วงแต่กลับทำลายต้นมะม่วงทิ้งไป และเพื่อสังคมจะได้เจริญรุ่งเรืองและอยู่กันอย่างผาสุกสืบต่อไปกาลนานเทอญ https://www.youtube.com/watch?v=Vuk8sO7S2Ww ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |